เวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง

อ่าน.......ขำๆ

วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

เลิกคิดแบบนี้...แล้วเราจะโสดแบบมีความสุข

จากหน้าตาที่เคยสดใสเต็มไปด้วยความหวัง ก็กลายเป็นหมองหม่น ไปๆ มาๆ เลยพาลมองโลกในแง่ร้าย และมีความเชื่อผิดๆ ที่บ่อนทำลายชีวิตไปซะงั้น ต่อไปนี้คือความเชื่อที่ควรลบล้างออกจากสมอง ถ้าอยากเป็นคนโสดที่มีความสุข
เฮ้อ...ชีวิต หนอชีวิต มองไปทางไหนก็เห็นแต่คนมีคู่ เดินเกี่ยวก้อยตระกองกอดกันกระหนุงกระหนิง หันมองดูตัวเองจนป่านนี้ยังใส่เสื้อยืดเขียนว่า โสดสนิท ใส่มาหลายปีแล้วก็ยังไม่มีแฟนกับเขาสักที เครียดๆๆ จากหน้าตาที่เคยสดใสเต็มไปด้วยความหวัง ก็กลายเป็นหมองหม่น ไปๆ มาๆ เลยพาลมองโลกในแง่ร้าย และมีความเชื่อผิดๆ ที่บ่อนทำลายชีวิตไปซะงั้น


ต่อไปนี้คือความเชื่อที่ควรลบล้างออกจากสมอง ถ้าอยากเป็นคนโสดที่มีความสุข

การมองโลกในแง่ดีคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
คน ที่มองโลกในแง่ลบจะคิดว่าคนที่มองโลกในแง่บวกคือพวกเพ้อเจ้อ และน่าสมเพชเพราะไม่สามารถมองชีวิตอย่างเป็นจริงได้ แถมคนมองโลกในแง่ลบยังขัดแย้งในตัวเองโดยคิดว่าตัวเองเข้าใจความจริงของ ชีวิตอย่างถ่องแท้ ยอมถูกวิพากษ์วิจารณ์และชอบเยาะเย้ยถากถางคนอื่น แม้แต่อารมณ์ขันก็ยังออกแนวขมขื่นแสบสันต์ เวลาไปไหนมาไหนก็มองเห็นแต่แง่คิดในด้านลบ หรือไม่ก็แปรความหมายทุกสิ่งอย่างออกมาในแง่ลบไปเสียหมด

ในความเป็นจริง การหลีกหนีจากวังวนขมขื่นดำมืดนี้ง่ายแสนง่าย สมมติว่ามีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว แทนที่จะคิดว่าแก้วว่างอยู่ครึ่งหนึ่ง ก็คิดในทางกลับกันว่า ยังดีนะที่มีน้ำอยู่อีกตั้งครึ่งแก้ว นั่นคือแค่คิดถึงแต่สิ่งที่ดี สิ่งนั้นก็จะส่งผลให้เรารู้สึกดีไปด้วย แทนที่จะคิดว่าฉันเป็นสาวโสดเดียวดายสุดแสนเหงา ก็ลองมองอีกด้านหนึ่งว่า ความเป็นโสดนี้ช่างอิสรเสรีเหนือสิ่งอื่นใด อยากไปไหนทำอะไรไม่ต้องคอยรายงานใคร


ถ้า เราคิดถึงชีวิตในแง่บวก เราจะรู้สึกชื่นชมยินดีมีความสุขกับทุกสิ่งรอบตัวมากขึ้น ประมาณว่าเห็นอะไรก็สดชื่นแฮปปี้เจิดแจ่ม ไม่มีอะไรขวางหูขวางตา ผลที่ตามมาคือ ท่าทางการแสดงออกของเราจะเป็นไปในแง่บวก ดูดีหน้าตาแจ่มใส ใครๆ ก็อยากเข้ามาใกล้ เพราะอยู่ด้วยแล้วพลอยมีความสุขไปด้วย แน่นอนว่าถ้าเราเป็นสาวเบิกบานยิ้มหวานน่ารัก หนุ่มๆ ย่อมอยากเข้าหาชัวร์ !


ใครๆ ก็มีความสุขมากกว่าฉัน
ถ้า มีความคิดแบบนี้อยู่ในหัวละก็...แสดงว่าเรานั้นอาจจะมัวสังเกตสังกาคนอื่น มากเกินไป แถมยังเชื่อว่าใครๆ ก็มีชีวิตที่ดีกว่าและมีความรักที่เพอร์เฟ็คท์ แค่มองเห็นคู่รักเดินกอดกันกลมอยู่ข้างถนนก็เหมาเอาว่า คนเหล่านั้นไม่มีปัญหาอะไรในชีวิต จากนั้นก็จะหันมามองชีวิตและความรักของตัวเองแล้วก็รู้สึกว่าความทุกข์พุ่ง จี๊ดขึ้นมาทันที เพราะเราไม่มีความสุขอย่างที่เราคิดว่าคนอื่นเป็น และไม่มีอะไรจะทำให้เราทุกข์ทรมานได้มากไปกว่าความคิดที่ว่า ใครๆ ก็มีความสุขสนุกสนานมากกว่าเรา

ไม่ มีใครมีชีวิตหรือมีความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบ เลิกคิดเหมาเอาเองว่า ใครๆ ก็มีความสุขเพราะเขามีมากกว่าเรา การมีมากกว่าหรือดูเหมือนมีมากกว่าไม่ได้แปลว่าจะมีความสุขเสมอไป

ความสุขของฉันขึ้นอยู่กับคนอื่นหรือสิ่งอื่น
คน ที่คิดแบบนี้มักมีประโยคติดปากว่า คุณทำให้ฉันโกรธมาก! และ คุณทำให้ฉันมีความสุขเหลือเกิน! ถึงแม้คำพูดแบบนี้จะมีสีสันเต็มไปด้วยอารมณ์ มันยังแสดงให้เห็นว่าความสุขของเราขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก ถ้าคนอื่นทำให้เรารู้สึกสุข/เศร้า/โกรธ/หรืออะไรก็ตาม และคนๆ นั้นยังทำให้เราทุกข์/เศร้าน้อยลง/หายโกรธ/หรืออะไรก็ตาม หากสถานะทางอารมณ์ของเรายังถูกควบคุมด้วยการกระทำของคนอื่น เราก็ไม่มีทางหาความสงบในชีวิตได้เลย ในเมื่อเราไม่สามารถควบคุมการกระทำของผู้อื่นได้ แล้วเราจะพบความสุขที่แท้จริงได้อย่างไร


ข่าวดีคือไม่มีใครหรือ อะไรทำให้เรามีความสุขได้ ในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครทำให้ผู้อื่นคิดหรือรู้สึกหรือทำอะไรได้ คนที่มีความสามารถทำได้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น...นั่นก็คือตัวเราเอง ที่เป็นเจ้าของความคิด ความรู้สึกและพฤติกรรม เมื่อไรที่เรายอมรับความจริงข้อนี้ได้ เราก็จะมีความสุขที่แท้จริง เลิกรอคอยให้โอกาสเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิต เราสามารถทำให้ตัวเรามีความสุขได้ทุกวันทุกเวลา...ไม่ว่าจะมีอะไรเข้ามาใน ชีวิต


ฉันไม่สามารถมีความสุขได้ในฐานะคนโสดที่อยู่คนเดียว
มี คนมากมายเชื่อว่าชีวิตจะมีความสุขได้ก็ต่อเมื่อมีคู่อยู่ด้วยกันเท่านั้น ถ้าเราเชื่อแบบนี้ เราก็อาจเชื่อด้วยว่าคนรักจะทำให้เรามีความสุข นอกจากจะเป็นการโยนความรับผิดชอบในความสุขของเราให้ปัจจัยภายนอกแล้ว ยังยัดเยียดความรับผิดชอบนี้ให้คนรักของเราอีกด้วย ซึ่งความจริงของชีวิตที่ไม่ควรลืมคือ ไม่มีใครอยู่กับเราได้ตลอดชีวิต ในที่สุดไม่จากเป็นก็จากตาย ดังนั้นถ้ายังเชื่อว่าชีวิตจะมีความสุขเมื่อมีคู่ละก็...เราก็จะทุกข์ทรมาน ไปแบบนี้ละ


นอกจากนั้นเมื่อเราเชื่อว่าคนรักทำให้เรามีความสุข เราก็มีแนวโน้มที่จะโยนความผิดให้เขาหรือเธอในยามที่เราเป็นทุกข์ ดังนั้นการสูญเสียคนรักย่อมทำให้เราทุกข์ยิ่งขึ้นอีกหลายเท่า ในความเป็นจริงการทำให้ตัวเราเองมีความสุขไม่ใช่ความรับผิดชอบของคนรัก มันเป็นความรับผิดชอบของเราเอง และการยอมรับความรับผิดชอบนี้คือหนึ่งในประสบการณ์ที่มีอิสระเสรีที่สุดใน ชีวิต


เนื่องจากความสุขเป็นสภาวะทางจิต ใจอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ปฏิกิริยาที่เจาะจงกับบุคคล สิ่งของ หรือสถานการณ์ใดๆ เรามีความสุขได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เรามีความสุขได้ทุกสภาวะไม่ว่าแต่งงานแล้ว เป็นหม้าย หย่าร้าง หรือโสด เรามีความสุขได้ไม่ว่าอายุเท่าใด ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ เราสร้างความสุขให้ตัวเองได้ จงยอมรับความจริงนี้ให้ได้แล้วสิ่งนี้จะทำให้เราแข็งแกร่งอย่างมีความสุข.



Source : http://lifestyle.th.msn.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น