เวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง

อ่าน.......ขำๆ

วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ยาสีฟันต้านความแก่

 ยาสีฟันต้านความแก่




ภัสน์วจี ศรีสุวรรณ์
patgys@yahoo.com




คุณเคยตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของการตัดสินใจเลือกยาสีฟันที่กินพื้นที่เต็มชั้นวางของยาวเหยียดในห้างสรรพสินค้าบ้างไหม?

ในเชิงคุณสมบัติพื้นฐาน ยาสีฟันทุกชนิดมีส่วนประกอบหลักแค่เพียงสารขัดถู สารทำให้เกิดฟอง และสารปรุงแต่งกลิ่นรส  แต่การตลาดว่าด้วยการแยกกลุ่มลูกค้าและการสร้างความแตกต่างให้สินค้า ทำให้มียาสีฟันสูตรเด็ก สูตรผู้ใหญ่ สูตรผู้หญิง สูตรผู้ชาย สูตรยามเช้า สูตรก่อนนอน สูตรฟันขาว สูตรลดการเสียวฟัน และล่าสุดคือสูตรต้านความแก่

นับวันส่วนผสมในยาสีฟันยิ่งหลากหลายแตกต่างจนเราแทบจะหลงลืมหน้าที่อันแท้ จริงคือการ “สีฟัน” ไปเลยทีเดียว  ยาสีฟันต้านความแก่ยี่ห้อหนึ่งระบุว่า ประกอบไปด้วยสารสกัดโปรตีนโบวีน เนื้อเยื่อและเซลล์อินทรีย์ (ไม่ได้บอกว่าคืออะไร??) ยีสต์ที่มีวิตามินบีคอมเพล็กซ์ วิตามินซี น้ำมันราธาเนีย และน้ำมันโจฮันนิสเคราท์ กรดคีเซล ฟลูออไรด์ น้ำมันหอมระเหย เกลือทะเล สารกันบูดพาราเบน ฮอร์โมน วิตามิน และอาร์เอ็นเอ  โดยบอกว่าส่วนผสมทั้งหมดนี้จะช่วยซ่อมแซมและผลิตเนื้อเยื่อในช่องปาก ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ผลิตน้ำลายมากขึ้น ป้องกันปากเหม็น...ช่างจับเอาจุดอ่อนของปัญหาในช่องปากคนสูงวัยมาใช้ได้ครบ ถ้วนดีแท้

ก่อนที่จะใจอ่อนควักสตางค์ซื้อยาสีฟันมหัศจรรย์เหล่านี้ ควรรู้ไว้ว่าปัจจุบันวงการทันตกรรมทั่วโลกยอมรับว่า สารเคมีที่มีผลต่อการรักษาโรคฟันผุมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น คือฟลูออไรด์  และยาสีฟันในท้องตลาดส่วนใหญ่ต่างก็มีฟลูออไรด์เป็นส่วนผสมในอัตราส่วนที่ เหมาะสมอยู่แล้ว  พูดอีกแบบก็คือ แค่ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ก็เพียงพอแล้ว ส่วนสารอื่นๆ นั้นกระทรวงสาธารณสุขบ้านเราเคยชี้แจงว่า สารป้องกันและรักษาโรคในช่องปากที่เพิ่มเข้าไปในยาสีฟันแล้วโฆษณาสรรพคุณ ต่างๆ นั้น วงการทันตแพทย์ยังไม่ยอมรับว่าได้ผลดีจริง

จึงหมายความว่าการในเรื่องยาสีฟันนี้เลือกนักมักได้แร่  ดังนั้นให้ตั้งสมมุติฐานแบบมองโลกในแง่ร้ายไว้ก่อนเลยว่า ยิ่งคุณสมบัติมากล้น ยิ่งอุดมไปด้วยสารเคมีที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพและราคาแพงหูฉี่...ยาสี ฟันนำเข้ายี่ห้อหนึ่งระบุว่าอุดมด้วยน้ำว่านหางจระเข้ โคเอนไซม์คิวเทน และไคโตซาน  หลอดเล็กนิดเดียวราคา ๒๐๐ บาท เฉลี่ยกรัมละ ๒ บาทเลยทีเดียว

มายาคติเรื่องความขาวหมายถึงความงาม พิเศษและเหนือกว่าได้แพร่ระบาดเข้ามาถึงยาสีฟันแล้ว  นายแบบนางแบบโฆษณายาสีฟันฟันขาว “whitening” ที่ยิ้มทีฟันขาวส่งประกายปิ๊งปั๊ง กำลังทำให้เกิดแฟชั่นใหม่ถึงขนาดเด็กนักเรียนมัธยมต้องขอเงินพ่อแม่ไปฟอกฟัน ขาวราคาหลายพันบาท

ฟันขาวอาจสวยเข้ากระแส แต่ก็มี “ของแถม” มาด้วย ทั้งนี้เพราะยาสีฟันฟันขาวส่วนใหญ่มีส่วนผสมของสารประกอบเพอร์ออกไซด์ (peroxide) เมื่ออยู่ในปากจะทำปฏิกิริยาเคมี
ทำให้เกิดไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ซึ่งจะผลิตอนุมูลอิสระ--ตัวการก่อมะเร็ง  แม้ตอนนี้จะยังมีข้อถกเถียงว่าน้ำลายสามารถกำจัดไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์จากยา สีฟันฟันขาวได้หมด แต่นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลกระทบที่ยังเห็นไม่ชัดเจน  สิ่งที่ชัดเจนยิ่งกว่าก็คือ ๒ ใน ๓ ของผู้ที่ใช้ยาสีฟันฟันขาวจะมีอาการเสียวฟัน ระคายเคืองเหงือกและลำคอ ซึ่งมักเกิดในคนที่มีอาการเสียวฟันอยู่แล้วเมื่อกินอาหารร้อน/เย็น อาหารรสเปรี้ยว หรือดื่มน้ำอัดลม โดยที่อาการเหล่านี้จะคงอยู่ในระยะที่เพอร์ออกไซด์ออกฤทธิ์ บางคนนานเป็นวัน บางคนนานเป็นสัปดาห์เลยทีเดียว

มีข้อมูลที่น่าสนใจและเตือนใจว่า แม้ยาสีฟันจะเป็นของที่ขาดไม่ได้ แต่ทันตแพทย์กลับบอกว่ายาสีฟันเป็นแค่ผู้ช่วยชั้นปลายแถว  มือขยันที่ช่วยป้องกันโรคในช่องปากและทำให้ฟันแข็งแรงก็คือ แปรงฟันให้ถูกวิธี

ทันตแพทย์ประทีป พันธุมวณิช เขียนไว้ในนิตยสาร หมอชาวบ้าน สรุปได้ว่าการแปรงฟันที่ถูกวิธีช่วยป้องกันโรคเหงือก และถ้าแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์จะช่วยป้องกันฟันผุ  การแปรงฟันโดยใช้แปรงสีฟันขนอ่อนปลายมน ให้ปลายขนแปรงกระทบขอบเหงือกเบาๆ และสม่ำเสมอ จะเป็นการกระตุ้นให้เลือดมาเลี้ยงเหงือกและสามารถต่อสู้กับสารพิษและอาการ ระคายเคืองจากคราบจุลินทรีย์ (พลัก) ทำให้เหงือกแข็งแรง

ความถี่ในการแปรงฟันจะส่งผลต่อการสึกของฟัน ถ้าฟันถูกขัดสีมากเกินไป สารเคลือบฟันอาจสึกกร่อนได้  ยิ่งถ้าแปรงฟันไม่ถูกวิธี เช่นแปรงบริเวณคอฟันแล้วลากแปรงไปมาเหมือนขัด ก็จะยิ่งทำลายสารเคลือบฟันได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นการแปรงฟันบ่อยเกินไปและไม่ถูกวิธีจึงไม่ใช่สิ่งที่ดี

ในผู้ที่เหงือกและฟันปรกติ การแปรงฟันวันละ ๑-๒ ครั้งอย่างถูกวิธี คือขยับขนแปรงโยกไปมาและเอียงแนวขนแปรงทำมุม ๔๕ องศากับขอบเหงือก แล้วจึงปัดขนแปรงไปทางด้านบดเคี้ยวนานประมาณ ๒-๓ นาทีก็เพียงพอแล้ว  ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการแปรงฟันคือก่อนนอน ทั้งนี้เพื่อกำจัดเศษอาหารตามซอกฟันไม่ให้หมักหมมตกค้างไปตลอดคืน เพราะช่วงกลางคืนต่อมน้ำลายจะหลั่งน้ำลายน้อย เอนไซม์ในน้ำลายที่ทำหน้าที่ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้ฟันผุจึงน้อยลงตามไป ด้วย  ส่วนการแปรงฟันในช่วงเช้าที่คนส่วนใหญ่นิยมแปรงฟันทันทีหลังตื่นนอนนั้น สามารถทำได้ แต่หากต้องเลือกเพียงครั้งเดียวควรแปรงฟันหลังรับประทานอาหารเช้า เพื่อกำจัดเศษอาหารและเพิ่มเวลาให้ยาสีฟันฟลูออไรด์ได้ทำงานต่อไประหว่างรอ มื้อกลางวัน

อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นคนรักสะอาดต้องแปรงฟัน ทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร ก็สามารถทำได้และเป็นสิ่งที่ดี ข้อสำคัญอยู่ที่ต้องแปรงฟันให้ถูกวิธีดังกล่าวข้างต้น

เพียงแค่นี้คุณก็สามารถรักษาฟันให้อยู่กับคุณไปได้จนแก่เฒ่าโดยไม่ต้องพึ่งพายาสีฟันต้านความแก่เลยค่ะ

http://www.sarakadee.com/web/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=981

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น