เวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง

อ่าน.......ขำๆ

วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2553

ติดเชื้อปลายประสาทคู่ที่ 7 โรคชวนผวารักษาได้ (โรคที่ โอ อนุชิต เป็น)

ติดเชื้อปลายประสาทคู่ที่ 7 โรคชวนผวารักษาได้








กลายเป็นข่าวน่าตกใจช็อกวงการบันเทิงอีกข่าวหนึ่งสำหรับ โอ-อนุชิต สพันธ์พงษ์ ดารา นักแสดง ที่ป่วยเป็น โรคติดเชื้อไวรัสปลายประสาทคู่ที่ 7 โดยมีอาการควบคุมใบหน้าซีกซ้ายไม่ได้ ลักษณะจึงคล้ายกับคนปากเบี้ยวจนเจ้าตัววิตกกังวลเกรงว่าจะกลายเป็นโรค อัมพฤกษ์ อัมพาต...!!

จากกระแส ข่าวที่แพร่สะพัดถึงอันตรายของโรคนี้เองได้สร้างความตื่นตระหนก ให้กับผู้ที่รับทราบข่าวสารไปตาม ๆ กัน ล่าสุด นพ.วัชรพงศ์ ชูศรี อายุรแพทย์ระบบประสาทและสมอง ศูนย์สมองและระบบประสาทกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคนี้ว่า โรคติดเชื้อไวรัสปลายประสาทคู่ที่ 7 หรือโรคปากเบี้ยวนี้ เราเรียกว่าโรค “Bell palsy” เพราะได้ชื่อมาจาก Charles Bell ศัลยแพทย์ชาวสกอตต์ ซึ่งเป็นผู้บรรยายอาการของโรคนี้ไว้เป็นท่านแรกตั้งแต่ศตวรรษที่ 19

ทั้งนี้ลักษณะอาการที่แสดง ออกจะเป็นอาการกล้ามเนื้อ ใบหน้าอ่อนแรงอันเกิดจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 (Facial nerve) อักเสบหรือได้รับบาดเจ็บ ซึ่งทางเดินของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ดังกล่าวจะออกจากก้านสมอง ผ่านใต้กะโหลกศีรษะมาโผล่ที่หน้าหูแล้วแยกเป็นสองแขนงทำหน้าที่ควบคุมการ เคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้าด้านเดียวกัน แขนงบนช่วยในการหลับตา แขนงล่างช่วยดึงกล้ามเนื้อมุมปาก เช่น การยิ้ม การห่อปาก นอกจากนี้ยังมี แขนงย่อย ๆ ไปเลี้ยงที่เยื่อแก้วหูและรับรสที่ลิ้นอีกด้วย

โรคติดเชื้อไวรัสปลายประสาทคู่ที่ 7 นี้สามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย ส่วนอาการหน้าเบี้ยวมักเกิดขณะที่เส้นประสาทมีอาการอักเสบ บวม หรือถูกกดทับ ในคนที่ปกติแข็งแรงดีมาก่อน เชื่อว่าสาเหตุการเกิดโรคอาจเกิดในช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ พักผ่อนน้อย จนทำให้มีการติดเชื้อไวรัส เช่น ไวรัสเริม ไวรัสไข้หวัดใหญ่ นอกจากนี้ยังพบบ่อยในสตรีตั้งครรภ์ ผู้ป่วย เบาหวาน มะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือต่อมน้ำเหลือง ผู้ติดเชื้อ ไวรัสเอชไอวี และกลุ่มผู้ได้รับอุบัติเหตุทางสมอง เป็นต้น


โอ อนุชิต.jpg


อาการของโรค Bell palsy นี้ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเร็วภายใน 24-48 ชั่วโมง โดยสามารถสังเกตได้เมื่อตื่นขึ้นมาจะรู้สึกว่าหน้าหนัก ๆ หลับตาไม่สนิท ตาแห้ง ทานน้ำมีน้ำไหลจากมุมปาก บางรายมีอาการลิ้นชาหรือหูอื้อ ๆ ร่วมด้วย ผู้ป่วยจะมาพบแพทย์เร็ว เพราะตกใจหรือมีคนทักหรือกลัว ตัวเองเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ซึ่งเป็นอาการของโรคหลอดเลือดสมอง อุดตัน แต่สามารถแยกอาการ ได้โดยโรคหลอดเลือดสมอง อุดตัน มักมีอาการทางระบบประสาทอื่นร่วมด้วย ได้แก่ แขนขาอ่อนแรงข้างเดียวกับที่มีปากเบี้ยว ตาเห็นภาพซ้อน เดินเซหรือมีอาการบ้านหมุน

เมื่อผู้ป่วยมาพบเข้ารับการรักษา แพทย์จะทำการวินิจฉัยจากประวัติและอาการของผู้ป่วยเป็นหลัก และตรวจร่างกายโดยแพทย์ระบบประสาท ในบางรายอาจจำเป็นต้องตรวจเลือดหรือเอกซเรย์สมองเพิ่มเติม ส่วนวิธีการรักษานั้นอย่างแรกเราต้องทราบก่อนว่าอาการ Bell palsy ในแต่ละรายไม่เท่ากัน สาเหตุหรือการบวมอักเสบของเส้นประสาทก็แตกต่างกัน ในบางรายที่มีอาการน้อย อาจจะไม่ต้องทำอะไรก็หายเองได้ใน 2-3 สัปดาห์

อย่างไรก็ตามการศึกษาในปัจจุบันพบว่า ยากลุ่มสเตีย รอยด์ (Steroid) สามารถช่วยลดการบวมและอักเสบของเส้นประสาท ทำให้หายเร็วขึ้น โดยการให้ยาในวันแรก ๆ ที่เริ่มมีอาการจะให้ผลในการรักษาที่ค่อนข้างดี นอกจากนี้ยังมียาต้านไวรัสเริม และยาวิตามินบี ซึ่งจะช่วยทำให้อาการดีขึ้นได้

สำหรับอาการที่ผู้ป่วยไม่สามารถหลับตาได้สนิทหรือกะพริบตาน้อยลงมีผลทำให้ กระจกตาแห้งนั้น สิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาโรค Bell palsy คือ ป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบหรือมีแผลที่กระจกตา ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้โดยการปิดตาและหยอดน้ำตาเทียม นอกจากนี้ยังต้องมีการรักษา ด้วยการทำกายภาพด้วยการ ใช้ไฟฟ้ากระตุ้น หรือใช้วิธีแพทย์ทางเลือก เช่น การฝังเข็ม ซึ่งก็มีรายงานว่าสามารถช่วยได้ในบางราย

หลังจากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยโรคและทำการรักษาแล้ว ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นมากใน 2-3 อาทิตย์แรก และประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยที่เป็นจะหายสนิท ส่วนอาการที่เหลือจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ ใน 3-6 เดือน แต่ในรายที่เส้นประสาทมีปัญหาอยู่เดิม เช่น เบาหวาน หรือเกิดจากเชื้องูสวัด มักจะไม่หายสนิท โอกาสเป็นซ้ำอีกพบน้อยมาก แต่ถ้าเกิดเป็นซ้ำหลายครั้งควรรีบไปพบประสาทแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยหรือ ตรวจหาสาเหตุอื่น ๆ เพิ่มเติม

โรคปากเบี้ยวนี้ถึงแม้แพทย์จะยืนยันว่าไม่เป็นอันตรายมาก แต่ก็เชื่อว่าหลายคนคงไม่อยากมีอาการปากเบี้ยว บังคับหน้าไม่ได้ หรือเผชิญกับเจ้าเชื้อไวรัสตัวนี้อย่างแน่นอน ฉะนั้นเราจึงควรดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอและพักผ่อนให้ เพียงพอ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วเราอาจถูกไวรัสร้ายตัวนี้คุกคามกลายเป็นเหยื่อรายต่อ ไปก็ได้.



โอ อนุชิต สพันธุ์พงษ์
โอ อนุชิต สพันธุ์พงษ์






ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

http://board.palungjit.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น