เวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง

อ่าน.......ขำๆ

วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วัฒนธรรมของชาวซามูไร ในอดีต





























ผู้ที่เป็นซามูไรต่างได้รับการคาดหวังว่าจะต้องเป็นคนที่สามารถอ่านออกเขียนได้
พร้อมกับต้องมีความรู้ทางด้านคณิตศาสตร์ด้วย นอกจากนั้น ยังได้รับความคาดหวังว่า
จะต้องเป็นผู้ที่มีความสนใจในศิลปะด้านอื่น ๆ อย่างเช่น การเต้นรำ การเล่นโกะ งานวรรณกรรม
บทกวี และชา เป็นต้น ถึงแม้ว่าศิลปะเหล่านี้ไม่ได้จำเป็นต่อพวกเขาเลยก็ตาม


แต่ในประวัติศาสตร์ ซามูไรผู้ที่มีชื่อเสียงหลายคนก็ไม่ได้มีคุณสมบัติตามวุฒิการศึกษา
ที่กล่าวไว้ข้างต้น ตัวอย่างเช่น โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ซามูไรผู้ยิ่งใหญ่ที่มีพื้นเพเป็นชาวนา
ก็มีอุปสรรคสำคัญอยู่ตรงที่เขาสามารถอ่านและเขียนได้แต่ภาษาญี่ปุ่นที่ใช้ตัวอักษรฮิรางานะเท่านั้น
อีกผู้หนึ่งคือ โอดะ โดกัง บุคคลผู้ที่ปกครองเอโดะเป็นคนแรก ก็เคยเขียนระบายความในใจของเขาว่า
เขาละอายใจเหลือเกินที่ได้พบว่า แม้แต่ประชาชนธรรมดายังมีความรู้ทางด้านการกวีมากกว่าตัวเขาเอง
ทำให้เขารู้สึกอัปยศจนต้องยอมสละสมบัติและตำแหน่งของเขาไปในที่สุด


ประเพณีชุโด



ภาพวาดแสดงประเพณีชุโดของญี่ปุ่นโบราณ
ที่ผู้ชายเกิดความสัมพันธ์รักกับผู้ชายที่อ่อนวัยกว่า,
วาดโดยมิยางาวะ อิสโช (พ.ศ. 2293)


ชุโด (「衆道」, 衆道, 衆道?) คือ
ประเพณีแห่งสายใยรักที่เกิดขึ้นระหว่างซามูไรผู้แก่กล้าวิชากับซามูไร

ที่ยังไร้ประสบการณ์ ที่เปรียบได้ดัง “ดอกไม้แห่งจิตวิญญาณของซามูไร”
ที่ได้ก่อร่างสร้างพื้นฐานที่แท้จริงของลัทธิความงามของผู้ที่เป็นซามูไรขึ้นมา
ประเพณีนี้มีความคล้ายคลึงกับประเพณีของกรีกโบราณที่ชายวัยผู้ใหญ่มักจะมี
ความสัมพันธ์ทางเพศกับเด็กผู้ชาย


สำหรับสังคมซามูไร นี่ถือว่าเป็นประเพณีที่มีเกียรติ เป็นการปฏิบัติที่สำคัญ
และเป็นเส้นทางสายหลักที่จะสืบทอดความคิด คุณค่า จิตวิญญาณ
และทักษะแห่งประเพณีซามูไร จากรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นต่อ ๆ ไปได้


อีกชื่อหนึ่งของประเพณีนี้คือ บิโด (「美道」, 美道, 美道) (วิถีทางแห่งความงาม)
เป็นประเพณีที่เชื่อว่า ความรักอันหนักแน่นที่ซามูไรสองคนมีให้แก่กันนั้น
เป็นสิ่งที่เกือบจะยิ่งใหญ่เท่ากับความรักแบบเดียวกันที่มีให้แก่ไดเมียว
จากข้อมูลในบทบันทึกร่วมสมัยฉบับหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า ทางเลือกระหว่างความรัก
ที่มีต่อซามูไรอีกคน กับ เจ้านายของเขาเอง สามารถกลายมาเป็นปัญหาทางปรัชญาสำหรับซามูไรได้


ในตำราฮางากุเระและคู่มือสำหรับซามูไรฉบับอื่น ๆ
ได้ให้คำสอนที่เจาะจงไปที่วิถีของประเพณีเช่นนี้ว่า
เป็นสิ่งที่ซามูไรควรจะต้องทำตามและให้ความเคารพ


หลังจากที่เกิดการปฏิรูปสมัยเมจิและการเข้ามาของแบบแผนการดำเนินชีวิตของตะวันตก
การหลงใหลในความงามของผู้ชายก็ถูกแทนที่โดยความหลงใหลในเพศหญิงตามแบบยุโรปแทน
นี่จึงเป็นจุดจบของประเพณีชุโดไปในที่สุด


การตั้งชื่อ

ชื่อเต็มของซามูไร มักจะตั้งขึ้นมาโดยการนำเอาชื่อที่อ่านตามตัวอักษรคันจิของพ่อหรือปู่ของเขา
มารวมกับชื่อใหม่อีกหนึ่งชื่อที่อ่านตามตัวอักษรคันจิเหมือนกัน ซึ่งตามธรรมดาแล้ว
ซามูไรจะใช้ชื่อบางส่วนจากชื่อเต็มทั้งหมดเท่านั้น


ตัวอย่างเช่น โอดะ คาซุซะโนซุเกะ ซาบุโร โนบุนางะ
(「織田上総介三郎信長」, 織田上総介三郎信長, 織田上総介三郎信長)
ก็คือชื่อเต็มของโอดะ โนบุนางะ โดยคำว่า โอดะ ก็คือชื่อของตระกูลหรือสังกัด คำว่า
คาซุซะโนซุเกะ ก็คือชื่อตำแหน่งรองข้าหลวงประจำจังหวัดคาซึซะ คำว่า ซาบุโระ
ก็คือชื่อที่มีมาก่อนเข้าพิธีเก็มปุกุ (พิธีฉลองการเจริญวัย) และคำว่า โนบุนางะ
ก็คือชื่อที่ตั้งขึ้นใหม่ต่อที่เป็นผู้ใหญ่


การแต่งงาน

การแต่งงานของซามูไรจะถูกจัดขึ้นมาโดยผู้ที่แต่งงานแล้วและมียศศักดิ์เท่ากับ
หรือเหนือว่าซามูไรผู้เป็นเจ้าบ่าวเท่านั้น
(นี่เป็นพิธีสำคัญสำหรับซามูไรที่มียศศักดิ์ต่ำกว่า และเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับซามูไรที่มียศศักดิ์สูงกว่า)
ซามูไรส่วนมากมักจะแต่งงานกับผู้หญิงที่มาจากตระกูลซามูไรเหมือนกัน
แต่สำหรับซามูไรที่มียศต่ำลงมา การแต่งงานกับ
หญิงสามัญชนถือเป็นเรื่องที่อนุโลมได้ ส่วนเรื่องของสินสมรส (สินเดิม)
ฝ่ายเจ้าสาวจะเป็นผู้ที่นำมาให้เอง เพื่อใช้เริ่มต้นชีวิตใหม่ของพวกเขา


ก่อนการแต่งงาน ซามูไรจะส่งค่าสินสอดหรือเอกสารยกเว้นการเก็บภาษี
ไปให้กับครอบครัวของฝ่ายหญิงผ่านทางผู้ส่งข่าว เพื่อที่จะขออนุญาตบิดาและมารดา
แต่งงานกับฝ่ายหญิง ซึ่งบิดามารดาส่วนใหญ่ก็ยอมรับข้อเสนอด้วยความยินดี
พ่อค้าฐานะดีหลายคนส่งลูกสาวของพวกเขาไปแต่งงานกับซามูไรเพื่อจะได้หักลบหนี้สิน
ของซามูไรและจะได้ทำให้ตำแหน่งหน้าที่ของตนก้าวหน้าขึ้น


ถ้าหากว่าภรรยาของซามูไรให้กำเนิดบุตรชาย บุตรชายผู้นั้นก็สามารถที่จะเป็นซามูไรได้

ซามูไรสามารถมีภรรยาน้อยได้ แต่พื้นหลังชีวิตของผู้ที่จะมาเป็นภรรยาน้อยจะต้อง
ถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดโดยซามูไรระดับสูงเหมือนที่ทำในการแต่งงานจริง
การลักพาตัวภรรยาน้อยถือว่าเป็นการกระทำที่น่าละอาย
ถึงแม้ว่าการกระทำเช่นนี้ในนิยายหลาย ๆ เรื่องจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทั่วไปก็ตาม


ซามูไรสามารถหย่าขาดจากภรรยาของเขาได้ด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่าง
แต่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้มีตำแหน่งสูงกว่าก่อน ซึ่งในความเป็นจริงการหย่า
ของซามูไรเกิดขึ้นมาน้อยมาก เหตุผลในการหย่าอาจจะเป็นเพราะว่า ภรรยาของเขา
ไม่สามารถให้บุตรชายแก่เขาได้ แต่วิธีการรับเด็กชายมาเลี้ยงก็สามารถใช้เป็นแนวทางแทนการหย่าได้เช่นกัน
ซามูไรสามารถหย่าโดยใช้เหตุผลส่วนตัวที่ว่าเขาไม่ชอบภรรยาของเขาได้ แต่โดยทั่วไปเหตุผลนี้
มักจะไม่ยกมาอ้างกัน เพราะมันจะสร้างความอับอายให้แก่ซามูไรระดับสูงที่จัดการแต่งงานให้ได้
แต่แม้ว่าโดยทั่วไปผู้ที่เป็นฝ่ายหย่าก่อนจะเป็นฝ่ายของซามูไร ฝ่ายหญิงก็สามารถเป็นฝ่าย
ที่เริ่มการหย่าก่อนได้เหมือนกัน หลังจากการหย่าแล้ว ฝ่ายซามูไรจะได้รับเงินค่าสินสอด
ซึ่งมีไว้ป้องกันการหย่า กลับคืนมา


ภรรยาของซามูไรที่ไม่ซื่อสัตย์แล้วปฏิเสธในความผิดของเธอ จะได้รับอนุญาตให้ทำการจิไง
(การคว้านท้องฆ่าตัวตาย (เซ็ปปุกุ) ของผู้ชาย)

 

 
 
 http://www.ranthong.com/smf/index.php?topic=26293.255

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น