เวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง

อ่าน.......ขำๆ

วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ลักษณะของคนขี้อิจฉา (ระวังให้ดี)

Hanako-Takigawa         






อิจฉาเธอมีคนรัก อิจฉาเธอที่สวย อิจฉาที่เธอรวย
อิจฉาที่เธอเก่ง และอิจฉาที่ไม่เป็นเรา


        เชื่อเหลือเกินว่า ไม่มีใครไม่รู้จักคนขี้อิจฉา เพราะคนประเภทนี้ มีอยู่

มากมายมหาศาล ในสังคมอลเวงที่พวกเราอาศัยอยู่ที่สำคัญ การอิจฉา

เป็นความรู้สึกที่พุ่งปี๊ดขึ้นมาเหนือจิตใจ ยากที่เหตุและผลในสมองของ

พวกเรา จะห้ามมันไว้ได้ทัน หลายครั้งที่ไดยินว่า ถ้ามนุษย์เราอิจฉากัน

ธรรมดาคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ ถ้าเติมคำว่า “ริษยา” เข้าไปด้วยล่ะก็…

ไม่แน่ เพราะริษยาจะนัยยะแห่งความโกรธ เกลียด และเคียดแค้นของ

มันอยู่ในที่ แต่ ไม่ว่าคุณเคยอิจฉาริษยาหรือไม่ หรือแค่อิจฉารพดับเฉยๆ

ถ้าเป็นน้อยๆไม่เป็นไร แสดงว่ายังเป็นคนปรกติแต่ถ้าไม่เป็นเลยจะดีกว่า

และถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก

        ทว่าเมื่อใดรู้สึกว่า ฉันอิจฉาได้อิจฉาดี อิจฉาใครต่อใครได้ทั้งวัน…รู้

ไหมว่า เริ่มเข้าข่ายต้องไปตรวจสุขภาพจิตกันแล้ว


        เพราะอะไรนะหรือ ก็เพราะคนขี้อิจฉา ถือเป็นคนที่สร้างความทุกข์

ให้กับตัวเอง คนเหล่านี้ชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นบ่อย พอ

เอาไปเปรียบเทียบแล้วแทนจะสบายใจ เปล่าหรอก กลับรู้สึกน้อยเนื้อต่ำ

ใจในชะตา และวาสนาตัวเองมากขึ้น…บุคคลแบบนี้ช่างน่าสงสาร

พฤติกรรมที่แสดงออก ก็เลยเป็นไปในทิศทางลบและชิงชังผู้อื่น เช่น 

ชอบติฉินนินทา,ติเติยนคนอื่นซ้ำซาก,พูดถึงแต่คนอื่นในทางเลวร้าย ไม่

มองความจริงของชีวิตว่า คนเรามีทั้งดีและเสีย มีทั้งนำเน่าและน้ำดี มี

ทั้งบุญและกรรมทำให้กลายเป็นคนไม่มีความสุขกับชีวิต ว่าแล้ว ใครที่

กำลังเป็นหรือเป็นไปแล้ว ขอให้หักหามความอิจฉาเอาไว้ อย่าให้มันเปิด

เผยว่า คุณเป็นคนขี้อิจฉาให้คนอื่นเห็น เพราะจะทำลายตัวคุณเองและ

ทำลายผู้อื่นด้วย


        ส่วนถ้าเราได้ไปอยู่ใกล้ คนขี้อิจฉาขึ้นมาด้วยความจำยอม หรือ

อะไรก็แล้วแต่รู้ไหมว่า คุณสามารถช่วยคนเหล่านี้ได้ ด้วยการ….

Natsuki-Ikeda        

บอก ให้เขามองตังเองในแง่บวกมากขึ้น ต้องฝึกมองให้

ออกว่า ความทุกข์ก็ดี ความสุขก็ดี ที่แต่ละคนได้รับนั้น ล้วนเป็นผลมา

จากการกระทำของผู้นั้นทั้งสิ้น เขาได้ดีก็เพราะเขาเคยทำดี เขาได้ไม่ดี

ก็เพราะเขาทำไม่ดีเช่นกัน แต่ละคนก็ลงทุนแรงมาทั้งนั้น เราเองก็เช่น

กัน ถ้าทำดีก็ได้ดี ทำชั่วก็ได้ชั่ว มันเป็นกฎแห่งกรรมธรรมดา ไม่มีใครได้

ดีหรือชั่วเกินกว่าที่ตัวเองได้ทำไว้หรอก ทุกคนล้วน “สมควร” ได้รับใน

สิ่งที่ตัวเองได้กระทำไว้ทั้งนั้น

Yoko-matsugane   
มอง หาข้อดี-ข้อเด่นในตังเองให้พบ การที่เราเป็นคนขี้

อิจฉา แสดงว่าคุณเป็นคนชอบเอวตัวของคุณองไปเปรียบเทียบกับคน

อื่น หรือเป็นคนที่ไม่พอใจกับสิ่งที่คุณเป็นอยู่ ต้องค้นหาสาเหตุที่ตัวคุณ 

คุณมีปมอะไรอยู่หรือ ซึ่งจริงๆแล้วตองแก้ที่จิตใจของคุณเอง ถ้าคุณค้น

พบข้อดีในตัวเองและพัฒนาข้อดีในตัวคุณนั้นให้ดียิ่งขึ้นไป โดยเราไม่

ต้องไปเปรียบเทียบกับคนอื่น การอิจฉาจะไม่เกิดขึ้นได้เลย นั่นคือ การ

ยอมรับในสิ่งที่คุณเป็น ฟังดูง่ายแต่อาจทำยาก ต้องค่อยๆฝึก อย่างเช่น

เราคนอื่นรวย แล้วเราไปอิจฉาเขา เราต้องค้นลงไปว่าที่เขารวย เขารวย

เพราะอะไร เขาขยันทำมาหากิน หรือโกงกินบ้านกินเมือง คุณไม่ควรจะ

อิจฉาคนแบบนั้นเลย คือนำความอิจฉานั้นมาพัฒนาตัวเราเป็นสิ่งที่ดี 

เห็นคนอื่นเขาสวยกว่าเรา รูปร่างสูงกว่าดีกว่าเรา เพราะอะไรที่เขาเป็น

ดารา เพราะเขากินแล้วออกกำลังกาย เขายอมอดเพื่อให้หุ่นสวย เราก็

ทำแบบเขาบ้าง

Atsumi-Ishihara
แนะให้มีความเมตตากรุณาต่อคนรอบข้างมากขึ้น ส่วน

ใหญ่ผู้ที่เกิดโรคอิจฉาริษยานั้น มักอยู่บนสมมติฐาน 2 ประการ คือ

ประการแรกเกิดจากความน้อยเนื้อต่ำใจ คิดว่าตัวเองด้อยกว่าผู้อื่น เช่น
จนกว่า สวยน้อยกว่า เก่งน้อยกว่า ประการที่สอง เกิดจากการคิดว่าตัว

เองดีกว่าคนอื่น แต่ไม่ได้รับการยอมรับ หรือได้ในสิ่งที่ตนเองคิดว่าน่าจะ

ต้องได้มากกว่าผู้อื่น เช่นคิดว่า ตัวเองทำงานเก่ง ฉลาด น่าจะต้องได้รับ

ตำแหน่งที่คาดหวัง  แต่กลับไมได้ ลองคิดทบทวนดูว่าการที่คนอื่นได้

ตำแหน่งที่ดีกว่าได้เงินเดือนเยอะกว่า เป็นเพราะอะไร เป็นเพราะว่า

ประจบเจ้านาย แสร้งแกล้งทำหรือว่าความจริงแล้วทำงานดี ขยัน อดทน

เจ้านายรัก ถ้าเป็นแบบนั้นมองกลับมารที่ตัวเราเองเลยว่าเราควรปรับ

ปรุงอย่างไรบ้าง ความ ขยันและความอดทนจะทำให้เราประสบความ

สำเร็จได้เองได้ดีเพราะตัวเราเองหรือว่า อยากได้ดีเพราะการเสแสร้ง สิ่ง

ไหนที่ยั่งยืนและยาวนานกว่ากัน ความดีที่เราทำใครอาจจะไม่รู้แต่ตัว

เรารู้ ให้ทำดีต่อไปเถอะแล้วจะเกิดผลดีตอบ ขยัน และอดทนทุกอย่างก็

ผ่านพ้นไปด้วยดี เชื่อได้แน่ๆว่าถ้าเราสามารถทำได้ดังที่กล่าวมาการใช้

ชีวิตประจำวันก็จะมี ความสุข ความสมหวัง ตลอดไป


ดัง นั้น ตำรับยาที่จะแก้โรคนี้ได้ ตองใช้สูตรที่ชื่อว่า “ความเมตตา” คือ


รู้จักรักตัวเองและผู้อื่นให้เป็นมีความปราถนาดีต่อตนเองและผู้อื่น ไม่ว่า


จะเป็นคนในครอบครัว ที่ทำงานหรือแม้แต่กับศัตรู



วิธี ใช้เมื่อตื่นนอนทุกเช้าให้ริน “ความเมตตา” ออกมาจากใจ สัก 2 ช้อน


โต๊ะแล้วทานก่อนอาหารเช้า จะให้เรามองโลกด้วยความสดชื่น ไม่ไป


คอยจับผิดผู้อื่นให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจต่อกัน ทำ อะไรกับใคร ก็จะ


ทำด้วยความรัก เพราะความเมตตาจะเป็นเหมือนน้ำที่ช่วยดับธาตุไฟ


อันร้อนรุ่มกลุ้มใจให้ลดน้อยและหากจะให้หายเร็วยิ่งขึ้น
อาจจะเพิ่ม


กลางวัน เย็น และก่อนนอน อีกครั้งละ 1 ช้อนชา พร้อมฝึกลมหายใจ


 ด้วยการหายใจเข้าก็ “เฮ้อเธอ” หายใจออกก็ “เฮ้อเธอ” คือให้เห็นแก่ตัว


ให้น้อยลง และเห็นแก่คนอื่นให้มากขึ้น ไม่นานโรคอิจฉาริษยาก็จะลด


น้อยถอยลงไป หากทานเป็นประจำ สม่ำเสมอ ก็จะทำให้หน้าตายิ้มแย้ม


แจ่มใส มีเสน่ห์ให้คนอื่นรัก และยอมรับเรามากขึ้น ทำให้เรารู้สึกมีค่า ไม่


ด้อยไปกว่าใคร และนำมาซึ่งสิ่งที่เราปราถนาได้ในที่สุด

Aki-Hoshino  


ขอบคุณบทความจาก
ดร.ปราณี สุวิทย์ศักดานนท์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น