เวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง

อ่าน.......ขำๆ

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2554

ตามรอยสิ่ง(มีชีวิต)ลึกลับ : MERMAID นางเงือก

"เมอร์เมด-เมอร์แมน" 


    เงือกเป็นเผ่าพันธุ์ของอมนุษย์สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกอีกชนิด หนึ่ง ว่ากันว่าเงือกพวกนี้อาจมีถิ่นกำเนิดบนฝั่ง บริตานี 
และว่ายข้ามช่องแคบอังกฤษไปยังคอร์วอลล์ จึงทำให้ผู้คนที่นั่นขนานนามว่า เมอร์เมด-เมอร์แมน(เงือกตัวเมีย-ตัวผู้) 
เมอร์เมด และ เมอร์แมน (เงือกตัวเมีย-ตัวผู้)

                                                 "เกี่ยวกับชื่อนางเงือก"
mermaid
merman
merfolk
mer(sea)+maid(maiden)
=สตรีแห่งทะเล
mer(sea)+man(man)
=บุรุษแห่งทะเล
mer(sea)+folk(people)
=ชาวท้องทะเล

ตามตำนานของไทยเล่ากันว่าเงือกนั้นมีหน้าเล็กกลมเท่างบน้ำอ้อย(ประมาณหน้าชะนี)ผมยาว 
วันดีคืนดีกลางคืนเดือนหงายจะขึ้นบกมาหวีผมด้วยหวีทอง บางทีก็ใช้กระจกทองส่องหน้าด้วย ถ้ารู้สึกว่ามีใครเข้ามาใกล้ตัว 
จะโจนลงน้ำดำหนีไปทิ้งหวีและกระจกทองไว้ ถ้ามีผู้พบเห็นกระจกทองแต่เก็บไว้ไม่ทิ้งลงน้ำคืนเงือก
 เงือกจะมาเข้าฝันทวงของคืน ถ้าไม่ให้ก็จะถูกปลิดดวงวิญญาณไปหรืออาจถูกฉุดตัวจมน้ำไปขณะที่ลงไปอาบน้ำ

 
เงือกไทย

  
    ในวรรณคดีไทยมีกล่าวถึงเงือกไว้หลายเรื่อง แต่เรื่องที่รู้จักกันแพร่หลายคือเงือกในเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่ได้กล่าวถึงลักษณะของเงือกว่ามีท่อนบนเป็นคน 
ท่อนล่างเป็นปลา เป็นผู้พาพระอภัยมณีหนีจากนางผีเสื้อสมุทรมาที่เกาะแก้วพิสดาร เรื่องอุณรุท 
พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ก็กล่างถึงเงือกไว้ตอนหนึ่งว่า
"เสด็จนั่งยังท้ายเภตรา      ชมหมู่มัจฉาน้อยใหญ่
ว่ายคล่ำดำดั้นอยู่ไวไว      ที่ใน มหาชลธาร
เงือกงามหน้ากายคล้ายมนุษย์      เคล้าคู่พู่ผุดในชลฉาน"
เงือกไทยตัวเมีย
เืงือกไทยตัวผู้

 
     ในเรื่องรามเกียรติ์ก็มีนางสุพรรณมัจฉาธิดาของทศกัณฐ์กับนางปลา มีรูปร่างท่อนบนเป็นหญิง แต่มีท่อนล่างเป็นปลานาง
ได้นำสัตว์น้ำบริวารไปขนย้ายหินที่กองทัพพระรามถมลงทะเลเพื่อทำถนนไปทิ้ง ตามคำสั่งของทศกัณฐ์ 
แต่ถูกหนุมานจับได้และตกเป็นภริยาของหนุมาน มีบุตรด้วยกันคือ มัจฉานุเป็นลิงเผือกแบบหนุมานแต่มีหางเป็นปลาแบบมารดา
กำลังขนกันใหญ่เลยคัฟ
   สำหรับการบันทึกเกี่ยวกับ “นางเงือก” มักมีการถูกบันทึกทุกยุคสมัย ไม่เหมือนคำบอกเล่าทั่วๆ 
แต่มีหลายเรื่องเหมือนกันที่เรื่องออกมาเหมือนตำนานมากกว่า เช่น
           
            
ค.ศ.558 ในไอร์แลนด์เหนือ มีชาวประมงออกไปหาปลาแห่งหนึ่ง ซึ่งที่แห่งนั้นชาวประมงมักได้ยินเสียงร้องเพลงดังมา 
จากใต้ผิวน้ำบริเวณกลาง ทะเลสาบ ด้วยความสงสัยใคร่รู้ทำให้ชาวประมงต่างพามาจุดนั้นแล้วใช้อวนล้อมเอาไว้ ผลคือมีเด็กหญิงรูปร่างประหลาดติดมาด้วย
     
            เด็กคนนั้นมีผมยาวสยายสี เขียวเข้ม ผิวกายออกสีเขียวอ่อน ระหว่างนิ้วมือมีเยื่อหรือพังผืดบางๆ 
ขึงอยู่ระหว่างนิ้วต่อนิ้ว ส่วนร่างกายท่อนล่างมีลักษณะคล้ายปลาแต่ไม่มีเกล็ด มีขนเส้นละเอียดอ่อนสีชมพูขึ้นอยู่เต็มท่อนหาง
           
            ชาวประมงได้นำเด็กหญิง เงือกนี้มาขังไว้ในถังน้ำขนาดใหญ่ใส่น้ำจนเต็มเพื่อให้คนอื่นได้ดูกัน 
และตั้งชื่อเด็กหญิงเงือกนี้ว่า “เมอร์แกน” ซึ่งหมายความว่า “เกิดในทะเล” 
จากนั้นเงือกตนนั้นก็เข้าไปอยู่ในมือของนักบวชเพื่อโปรดศีลและล้างบาปทาง พิธีกรรมศาสนาทุกอย่าง
           
            จากนั้นสักระยะหนึ่งเมอร์ แกนก็พูดภาษามนุษย์ได้ จับความได้ว่า เธออายุ 300 ร้อยปี 
ชื่อเดิมของเธอคือ “ลีบัน” ตอนแรกเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาต่อมาครอบครับของเธอประสบอุบัติเหตุจมน้ำเสียชีวิตหมด
เหลือแต่เธอที่รอดมาได้และเมื่อเวลาหนึ่ง ปี ร่างกายของลีบันเริ่มเปลี่ยนสภาพที่ละน้อยจนกลายเป็นเงือกในที่สุด
            และเมื่อเธอสิ้นชีวิตลง ผู้คนต่างยกย่องนามเธอว่า “เซนต์เมอร์แกน” 
ทั้งนี้เพราะหลังจากที่เธอเสียชีวิต วิญญาณของเธอได้แสดงปรากฏการณ์มหัศจรรย์แก่สายตาผู้คนใน ณ ที่นั้น
         นอกจากในยุโรปแล้วบันทึกการพบเงือกนั้นก็พบในแถบน่าน น้ำญี่ปุ่น และเกาหลีด้วยนะครับ
            ซากเงือกที่วัดเมียวชิMyouchi Temple
ที่ญี่ปุ่นแน่นอนมันเป็นประเทศที่ประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่มากมาย เรียงรายนับร้อยเกาะ ทอดตัวยาวลงมา 
โดยฟากหนึ่งนั้นเบี่ยงไปทางเกาหลี จีน และรัสเซีย และอีกฟากทอดตัวไปทางมหาสมุทรแปซิฟิกนับได้หลายร้อยก ิโลเมตร 
ซึ่งมีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับเงือกมากมายตั้งแต่สม ัยเฮอันเคียวลงมาจน กระทั่งในยุคเฮเซหรือสมัยปัจจุบัน
           
            ที่ฟูกูโอกะ FUKUOKA นั้นมีวัดริวกุ หรือวัดนางเงือกอันมีชื่อเสียงโด่งดัง ว่ากันว่าทุกๆปีจะมีการเปิดให้คนเข้าชมหีบที่บรรจุกระดูกเงือก 
โดยผู้เฒ่าผู้แก่แถบนั้นต่างพูดถึงเงือกในลักษณะที่ว่า เงือกนั้นมักอาศัยอยู่แถบช่องแคบเกาหลี และเรื่อยมาจนถึงด้านเหนือสุดของเกาะคิวชู 
ที่วัดริวกุ RYUKU เราจะพบจารึกโบราณที่เขียนว่า “ เมื่อ ศักราชที่ 1222 จับเงือกได้หนึ่งตัว ชะรอยมันตายจึงได้ฝังไว้ในเขตคามแห่งวัดอูกินิโดะ 
นับว่าเป็นศุภสัญญาณมงคลว่าจักรวรรดิเราจะดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ เชื่อกันว่าเงือกตัวนี้มาจากริวกุ วังของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล 
ดังนั้นแล้วไซร้วัดแห่งนี้จึงได้มงคลนามใหม่ไหม่ว่า วัดริวกุ ฯ ”

            ซากเงือกที่วัดเมียวชิMyouchi Temple

ผู้เฒ่าผู้แก่ที่ฟูกุโอกะยังบอกว่าอัน ที่จริงแล้วเงือกนั้นมีสองขาหากแต่ปลายเท้าเป็นพังผืด ขานั่นชิดติดกันอย่างพิสดาร 
ผิว่าจะงอได้เหมือนขาคนพิการก็ไม่ปาน จะชิดกันตลอดเวลา และจะไม่สามารถยืนขึ้นได้ มือนั้นเรียวยาว แขนยาว ลีบ เป็นพังผืดและมีใบหน้าคล้ายคนที่หน้าบี้ 
บี้แบนไปทางด้านข้างหรือจะว่าแบนข้าง มองเผินๆอาจกระเดียดไปทางหัวปลาก็ว่าได้ เมื่อชาวประมงจับได้ พอเอามาวางไว้บนเรือมันจะทำท่าแปลก 
ขู่เสียงดังเป็นเสียงวิ้ด ๆๆๆ ฟังดูคล้ายเสียงพวกอสุรกายก็ไม่ปาน ชาวประมงถือว่าเป็นลางไม่ดีหูจะหนวกเอาได้ 
หากแต่แท้จริงแล้วมันกำลังจะขาดใจตาย สุดท้ายชาวประมงก็มักจะพากันแตกตื่นและทิ้งเงือกลงทะเลเพราะกลัวความซวยจาก เทพเจ้าแห่งท้องทะเล .... 

            ซากเงือกที่วัดคารุคายาโดะ Karukayado Temple
      แล้วตกลงเงือกคืออะไรกันแน่
      สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่ง
           
            อย่างไรก็ตามหากจะนำเรื่องราวที่อิง ธรรมชาติมาอ้างนั้น ในแถบช่องแคบเกาหลีและทะเลญี่ปุ่นไม่พบสัตว์เลี้ยงลูก ด้วยนมที่มีเค้าอย่าง 
พะยูนหรือแมวน้ำหรือวัวทะเลเลย
 แต่ในอีกทฤษฎีหนึ่งหากเราจะตัดเอาทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดออกไปและการแต่งเติมจาก 
ปากต่อปากออกไปโดยพยายามมองให้เป็นเรื่องที่ของธรรมชาตินั่นเป็นไปได้ อาจเกิดมาจากการที่ชาวประมงในยุคก่อนได้พบสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
ที่ยัง วิวัฒนาการไม่สมบูรณ์หรือสัตว์ต่างถิ่นที่กระเดียดไป ทางพะยูนหรือวัวทะเล และที่สำคัญการได้พบสัตว์สายพันธ์ใหม่ในท้องทะเลลึก หรือปลาทะเลน้ำลึกก็เป็นได้
 
           
            ส่วนที่ว่าเนื้อเงือกเมื่อกินไปจะมี อาการออกไปทางเหมือนผีตายซากมากกว่าการเป็นอมตะนั้น เป็นไปได้ทีเดียวที่เนื้อของสัตว์ทะเลบางชนิดจะมีพิษ 
ที่ทำให้คนเป็นอมพาตได้ หรือเป็นสารที่ช่วยในการรักษาศพมากกว่า อาจจะด้วยองค์ประกอบของเกลือที่ฝังในเนื้ออย่างเข้มข้นด้วยว่าสารนั้นอาจ ช่วยยืดอายุศพได้ 
เราจึงไม่อาจสรุปได้ว่าสิ่งไดควรเชื่อหรือไม่ แต่มีข้อคิดที่น่าสนใจที่ว่าทะเลนั้นยังคงเป็นที่ที่ มนุษย์รู้จักน้อยกว่าดวงจันทร์เสียอีก
เพราะด้วยการสำรวจทะเลอันกว้างใหญ่และพิสดารลึกลับที่แทบจะ ไม่มีวันทำได้ทั่วถึงนั่นเอง

ซากเงือกจากที่ต่างๆ จากอินเตอร์เน็ท
            
            
            

Attached ImageAttached Image
ที่มาอ้างอิง http://fws.cc/phiboonboard/index.php?topic=2456.0

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น