เวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง

อ่าน.......ขำๆ

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

คุณยายชาวปกาเกอะญอเก็บเงิน43ปีคืนค่ารักษาพยาบาล


คุณยายชาวปกาเกอะญอ วัย 66 ปี เก็บเงินค่ารักษาพยาบาล 3 พันบาท

ส่งคืนรพ.มหาราชนครเชียงใหม่ หลังค้างมานาน 43 ปี 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวาน นี้(18ส.ค.) นายสิริ เจริญธรรม อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 9 ต.ท่าตอน อ.ท่าตอน จ.เชียงใหม่ เดินทางมาที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เพื่อเข้าพบ น.พ.วัฒนา สินธุนาวา ผู้อำนวยการโรงพยาบาล มหาราชนครเชียงใหม่ โดยนายสิรินำซองจดหมายที่บรรจุเงิน 3,000 บาทมามอบให้ โดยระบุว่า เป็นเงินค่ารักษาพยาบาลของ นางส่าพอ พาคลึ คุณยายชาวปกาเกอะญอ วัย 66 ปี ในหมู่บ้านเมืองงาม ต.ท่าตอน อ.แม่อาย  ที่เคยติดค้างกับทางโรงพยาบาลไว้เมื่อ 43 ปี ก่อน
 
นายสิริ เล่าว่า ในปี 2510 หลังจากนางส่าพอ คลอดบุตรสาวได้ป่วยด้วยอาการมดลูกอักเสบ ด้วยความ เจ็บปวดและทรมานทำให้ตัดสินใจเดินทางเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนคร เชียงใหม่ แต่เนื่องจากใน ขณะนั้นครอบครัวของนางส่าพอ มีฐานะยากจนจึงต้องยืมเงินจากเพื่อนบ้านจำนวน 23 บาท เพื่อเป็นค่าเดินทาง และค่าอาหาร

 
หลังจากรับการรักษาในดรงพยาบาลเป็เวลา 2สัปดาห์ จนอาการดีขึ้น แพทย์จึงอนุญาตให้กลับไป รักษาตัวที่บ้านพร้อมแจ้งค่ารักษาพยาบาล แต่นางส่าพอ ไม่มีเงินจ่าย แพทย์จึงบอกว่าให้กลับบ้านได้มีเงินเมื่อไหร่ ค่อยนำมาจ่าย หลังจากเดินทางกลับบ้านนางส่าพอ มีอาการดีขึ้นตามลำดับ กระทั่งสามารถมีบุตรได้อีก 6 คน  ระหว่างนั้นก็ได้ประกอบอาชีพรับจ้าง และทำสวนผักขายผลผลิตเพื่อเก็บเงินมาชดใช้หนี้


 
นายสิริ เล่าว่า ตนเป็นลูกหลานที่อาศัยในหมู่บ้านเดียวกันกับนางส่าพอ โดยเมื่อไม่นานมานี้นางส่าพอ ได้เล่าเรื่องให้ฟังพร้อมไหว้วานให้นำเงินไปจ่ายให้กับโรงพยาบาล แต่เนื่องจากการสื่อสารทางภาษาทำให้ นางส่าพอ ไม่ทราบจำนวนเงินค่ารักษาพยาบาล จึงมอบเงินเงินจำนวน 3,000 บาท โดยนางส่าพอ ให้เหตุผลที่ต้องการจ่าย ค่ารักษาพยาบาลทั้งที่ผ่านมานานกว่า 43 ปี ว่า แม้โรงพยาบาลจะไม่เคยทวง แต่เมื่อเราเป็นหนี้เขาแล้วหากไม่ชด ใช้คงไม่สบายใจ ปู่ย่าตายายก็สอนมาตลอดให้เป็นคนซื่อสัตย์ หากคดโกงก็จะตกนรก ขณะที่ตนเองก็อายุมากแล้ว หากยังมีหนี้ที่คั่งค้างอยู่ก็คงนอนตายตาไม่หลับ


 
น.พ.วัฒนา กล่าวว่า ขอชื่นชมนางส่าพอ ที่แม้จะยากจน แต่ก็มีความซื่อสัตย์ ซึ่งกรณีเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ มาก่อน ในตอนนี้เวชระเบียนคงถูกลบไปหมดแล้ว ทำให้ไม่ทราบว่า แพทย์ที่ รักษาเป็นท่านใด และค้างชำระเท่าไหร่ แต่จำนวนเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะโรงพยาบาลของรัฐทุกแห่งมีเจตนารมย์ในการช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นสำคัญ ส่วนเงินของนางส่าพอ จะถูกนำเข้าสมทบกองทุนราชสมาทร เพื่อช่วยเหลือผู้ ป่วยยากไร่รายอื่น ๆ ต่อไป
น.พ.วัฒนา กล่าวว่า หลายปีก่อนหน้านี้โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้ให้การรักษาผู้ป่วยยากไร้ที่ไม่มีเงินรักษาเป็นเงินกว่า ปีละ 100 ล้านบาท แต่หลังจากมีหลักประกันสุขภาพแห่งชาติรายจ่ายส่วนก็ลดลง ล่าสุดทางโรงพยาบาลกำลังจัดเก็บข้อมูลย้อนหลังสองปีเพื่อดูว่าได้ช่วยเหลือ รักษาฟรีไปแล้วเท่าไหร่ ซึ่งกรณีของนางส่าพอ ถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม

 http://www.bangkokbiznews.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น