เวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง

อ่าน.......ขำๆ

วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2553

โศกนาฏกรรมของชายในร่างหญิง





ขณะที่คนส่วนใหญ่กำลังเฉลิมฉลองเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ ชายคนหนึ่งถูกปลุกให้ลุกจากที่นอน เขาถูกยิงในระยะเผาขนและกระหน่ำแทงด้วยมีดหลายครั้งจนเสียชีวิตสาเหตุเพียงเพราะเขาไม่ใช่ผู้ชายแท้



           













  เช้าวันที่ 31 ธันวาคม 1993 ตำรวจเมืองริชาร์ดสัน รัฐเนแบรสกา ได้รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายในบ้านย่านชานเมือง เมื่อเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุก็พบร่างของชายผิวดำนอนจมกองเลือดที่พื้นกลาง ห้อง ใบหน้ามีบาดแผลถูกยิงที่แก้มด้านซ้าย กระสุนทะลุออกที่ศีรษะด้านขวา

              เมื่อตำรวจเดินเข้าไปในห้องครัวก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นหญิงวัยกลางคน กำลังนั่ง ป้อนนมเด็กทารก หญิงคนนั้นแสดงตัวว่าเธอชื่อ แอนนา แลมเบิร์ต (Anna Lambert) เป็นยายของเด็กและเป็นมารดาของเหยื่อคนหนึ่งที่ถูกสังหาร

              แอนนาขับรถมาเยี่ยมลูกสาวและหลานยาย แต่สิ่งที่เธอพบกลับกลายเป็นร่างไร้วิญญาณของลูกสาวและเพื่อนอีก 2 คน เธอจึงโทรศัพท์แจ้งเหตุและนั่งรอจนกว่าตำรวจจะมาถึง

                                             
                                                                  ลิซ่า แลมเบิร์ต (Lisa Lambert)

              แอนนาพาตำรวจขึ้น ไปยังห้องนอนบนชั้นสองของบ้าน บนเตียงนอนมีร่างของลิซ่า แลมเบิร์ต (Lisa Lambert) วัย 24 ปี ถูกยิงที่เบ้าตาขวาและช่องท้อง ปลายเตียงมีร่างของชายหนุ่มมีบาดแผลถูกยิงและแทงหลายแห่งตามลำตัว ลักษณะของบาดแผลสันนิษฐานได้ว่า ชายหนุ่มคนนี้เป็นเป้าหมายหลักของการสังหาร

                                   
                                                ทีน่า แบรนดอน (Teena Brandon)   
 
              นายอำเภอชาร์ล ลักซ์ (Charles Laux) จำได้ว่าร่างของชายหนุ่มคนนี้แท้ที่จริงคือหญิงสาวชื่อ ทีน่า แบรนดอน (Teena Brandon) วัย 21 ปี ซึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อนได้เดินทางไปแจ้งความกับตำรวจว่าถูกเพื่อนชาย 2 คนรุมข่มขืน

ชายในร่างหญิง

            
ทีน่าไม่ใช่สาวเลสเบี้ยน หากแต่เธอมีจิตใจเหมือนผู้ชายซึ่งเกิดมาในร่างของผู้หญิง ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมเธอใช้นามสกุลเป็นชื่อต้นและเอาชื่อต้นไปเป็นนามสกุล โดยเรียกตัวเองว่า แบรนดอน ทีน่า (Brandon Teena) เพื่อให้เหมือนกับชื่อผู้ชายและใฝ่ฝันอยากจะผ่าตัดแปลงเพศให้เป็นผู้ชาย จริงๆ

             แบรนดอนไม่ได้เพียงแค่เปลี่ยนชื่อเป็นชาย เธอยังแต่งตัวเหมือนผู้ชายโดยใช้ผ้ารัดหน้าอกและม้วนถุงเท้ายัดใส่เป้า กางเกง แต่เพื่อนบ้านและเพื่อนที่โรงเรียนรู้จักแบรนดอนมาตั้งแต่เด็ก  รู้ว่าเธอ เป็น ผู้หญิง ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงความจริงอันนี้ แบรนดอนจึงย้ายออกจากบ้านในเมืองลินคอล์น มาอาศัยอยู่ตามลำพังในเมืองริชาร์ดสันโดยหาเลี้ยงชีพด้วยการลักเล็กขโมยน้อย และปลอมแปลงเช็คธนาคาร

              แบรนดอนได้ลิซ่าเป็นแฟนและอาศัยอยู่กับเธอโดย หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ด้วยการโกหกว่าอายที่มีอวัยเพศเล็กบ้างหรือบาง ครั้งก็บอกว่าเธอมี 2 เพศในร่างเดียวไม่อยากให้ใครเห็น กำลังเก็บเงินเพื่อผ่าตัดให้เหลือเพศเดียว ระหว่างนั้นแบรนดอนก็คบหาเพื่อนผู้ชาย เที่ยวเตร่สำมะเลเทเมาเฉกเช่นผู้ชายวัยรุ่นทั่วๆไป


                                             
                                                    ทอม นิสเสน (Tom Nissen)

                                             
                                                     จอห์น ล็อตเตอร์ (John Lotter)

              เพื่อนสนิทที่แบรน ดอนไปมาหาสู่เป็นประจำคือสิงห์ขี้คุก ทอม นิสเสน (Tom Nissen) และจอห์น ล็อตเตอร์ (John Lotter) ซึ่งชักนำไปสู่การพบรักใหม่กับลาน่า ทิสเดล (Lana Tisdel) วัย 19 ปี อดีตคู่ควงของจอห์น และได้เพื่อนใหม่เป็นชายผิวดำชื่อ ฟิลลิป ดีไวน์ (Phillip Devine) วัย 22 ปี ซึ่งกำลังตามจีบน้องสาวของลาน่า

ความลับแตก

               
วัน ที่ 15 ธันวาคม 1993 หลังจากแบรนดอนควงแฟนใหม่ได้ไม่กี่สัปดาห์ เขาก็ถูกตำรวจจับในข้อหาปลอมแปลงเช็ค ลาน่าเดินทางมาเยี่ยมและต้องประหลาดใจที่พบว่าแบรนดอนถูกคุมขังในห้องขังนัก โทษหญิง แม้จะสับสนแต่เธอก็ขอร้องให้ทอมช่วยประกันตัวแบรนดอนออกมา

              วันที่ 22 ธันวาคม ทอมรวบรวมเงินประกันตัวแบรนดอนออกจากคุกและเชิญชวนให้เขามาเฉลิมฉลองเทศกาล คริสต์มาสในคืนวันที่ 24 ธันวาคม อันเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมเมื่อทอมและจอห์นกินเหล้าจนเมาได้ที่ก็ บังคับให้แบรนดอนสารภาพออกมาว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่

              แบรนดอนจำนนต่อหลักฐาน ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้หญิง อย่างไรก็ตาม เขากำลังเก็บสตางค์รวบรวมเงินไปผ่าตัดแปลงเพศเป็นผู้ชาย แม้ความจริงจะถูกเปิดเผยออกมา แต่ลาน่ายังคงสับสนจากความรักที่ฝังลึกแบบวัยรุ่นทำให้จอห์นไม่พอใจ คว้าแขนแบรนดอนกระชากเข้ามาหาแล้วจับเขาแก้ผ้าให้ลาน่าได้เห็นจะจะว่าแบรน ดอนเป็นผู้หญิงทั้งแผ่น

              จอห์นไล่ลาน่าให้กลับบ้านไปคนเดียวแต่ไม่ให้ แบรนดอนไปด้วยโดยอ้างว่าไม่ต้องการให้แบรนดอนและลาน่าคบหากันอีก แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขากำลังวางแผนสั่งสอนแบรนดอน


ย้ำเตือนความเป็นหญิง

             เ
มื่อ ลาน่าขับรถออก จากบ้านไป ทอมก็ทำการชกต่อยแบรนดอนจนลงไปกองกับพื้น แต่ทอมก็ยังไม่หนำใจ ใช้เท้าเตะจนแบรนดอนมีอาการสะบักสะบอม หลังจากนั้นทอมและจอห์นก็ช่วยกันลากตัวแบรนดอนขึ้นรถพาไปสถานที่เปลี่ยวและ ทั้งคู่ก็ลงมือข่มขืนแบรนดอนภายในรถ

            หลังจากเสร็จสมอารมณ์หมาย ทอมก็ยังชกต่อยสั่งสอนแบรนดอนอีกหลายครั้งก่อนที่ปล่อยเธอไว้ข้างถนนท่าม กลางอากาศที่หนาวเย็นของปลายเดือนธันวาคม แบรนดอนประคองตัวเองขึ้นเดินสะเงาะสะแงะไปจนถึงบ้านลาน่า

             ลาน่าตกใจในสภาพสะบักสะบอมของแบรนดอน สอบถามเรื่องราวจนกระทั่งรู้ความจริง เธอแนะนำให้แบรนดอนไปแจ้งความกับตำรวจ

             นายอำเภอชาร์ลสอบปากคำแบรนดอน แต่สังคมชนบทไม่คุ้นเคยกับเรื่องพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ การสอบปากคำจึงกลับกลายเป็นการสัมภาษณ์เรื่องส่วนตัวของแบรนดอนด้วยถ้อยคำดู ถูกดูแคลนแทนที่จะเป็นการสอบปากคำเหตุการณ์อาชญากรรม จนกระทั่งแบรนดอนรู้สึกอึดอัดและปฏิเสธที่จะตอบคำถาม นายอำเภอชาร์ลจึงลงท้ายในบันทึกแจ้งความว่าเจ้าทุกข์ไม่ให้ความร่วมมือ

เหยื่อจากความหย่อนยานของกฎหมาย

         
สามวันหลังจากนั้นนายอำเภอชาร์ลจึงเดินทางไปสอบปากคำทอมและจอห์น ผู้ถูกกล่าวหาว่าทำร้ายร่างกายและข่มขืนแบรนดอน เพียงทั้งคู่ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา นายอำเภอชาร์ลก็ไม่จับกุมหรือควบคุมตัวมาดำเนินคดี

           ทอมและจอห์นโกรธ แค้นที่แบรนดอนไปแจ้งความกับตำรวจ จึงออกตามล่าหาตัวแบรนดอนไปจนถึงบ้านเดิมในเมืองลินคอล์น แต่ก็ไม่พบแบรนดอน ทั้งคู่ย้อนกลับมาที่บ้านลาน่าในคืนวันที่ 30 ธันวาคม

           มารดาของลาน่าบอกว่าแบรนดอนน่าจะกลับไปอยู่บ้านลิซ่าแฟนเก่า เมื่อทอมและจอห์นตามไปที่บ้านลิซ่าก็พบว่าบ้านปิดไฟเงียบ แต่ทอมก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง ใช้เท้าถีบประตูบ้านจนเปิดออกและบุกรุกเข้าไปในบ้านจนถึงห้องนอนชั้นบน

           ทอมถามหาแบรนดอนขณะที่ลิซ่าตกใจตื่นด้วยความงุนงง ทอมกวาดสายตามองรอบๆห้องนอนก็พบว่าแบรนดอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มบนพื้นที่ปลาย เตียง เขาจึงตรงไปกระชากแขนแบรนดอนให้ลุกขึ้น ลิซ่าและแบรนดอนตะโกนร้องด้วยความตกใจก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้นแล้วแบรนดอน ก็ตัวงอเป็นกุ้งใช้มือกุมที่หน้าท้อง

             เสียงอึกทึกครึกโครมปลุกให้ทารก วัย 8 เดือนลูกชายของลิซ่าตื่นขึ้นและร้องไห้ด้วยความตกใจ ทอมตะโกนสั่งให้จอห์นใช้มีดกระหน่ำแทงแบรนดอนก่อนที่จะตรงไปยังเปลเด็กอุ้ม ทารกส่งให้กับลิซ่า



 





 








ปิดปากพยาน

            
เมื่อ อยู่ในอ้อมกอดมารดา ทารกน้อยก็เงียบเสียงลง ลิซ่าวางทารกลงข้างๆกาย จอห์นหันปากกระบอกปืนมาที่ลิซ่าแล้วลั่นกระสุนเข้าใส่ ลิซ่ากระโจนขึ้นนั่งด้วยความตกใจและเจ็บปวด ทอมตรงไปอุ้มทารกใส่ลงในเปลแล้วหันมาถามลิซ่าว่าในบ้านมีใครอีกไหม

            ด้วยความตกใจ ลิซ่ารีบตอบไปทันทีว่า ฟิลลิปมาขอนอนค้างคืนที่ห้องข้างๆเพราะเขาทะเลาะกับแฟนมา เมื่อได้ยินดังนั้นจอห์นก็รีบไปลากตัวฟิลลิปออกมาจากห้องนอน จอห์นลั่นกระสุนใส่ลิซ่าอีกนัดก่อนจะลากตัวฟิลลิปลงมาที่ชั้นล่าง

            ฟิลลิปร้องขอชีวิต สาบานว่าจะไม่ปากโป้งบอกใครว่าเกิดอะไรขึ้น จอห์นผลักฟิลลิปให้นั่งลงบนเก้าอี้รับแขก แล้วลั่นกระสุนใส่เขา 2 นัด หลังจากนั้นก็วิ่งขึ้นไปลั่นกระสุนใส่ลิซ่าซ้ำอีกหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่า เธอตายแน่ๆ ฆาตกรนำอาวุธสังหารโยนทิ้งลงแม่น้ำระหว่างทางเพื่อทำลายหลักฐาน

แน่ นอนว่าทอมและจอห์นเป็นผู้ต้องสงสัยรายแรก และทันทีที่ทอมถูกจับกุมตัวเขาก็รีบเอาตัวรอดโดยให้การว่าเขาอยู่ในที่เกิด เหตุแต่ผู้ที่ลงมือคือจอห์นและอาวุธสังหารถูกทิ้งลงแม่น้ำไปแล้ว

ของกลางไม่ได้จมหายลงไปก้นแม่น้ำอย่างที่ฆาตกรวางแผน เพราะความหนาวเย็นทำให้ผิวหน้าของแม่น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง ทั้งอาวุธปืน มีด และถุงมือที่ใช้ประกอบอาชญากรรม วางรอให้ตำรวจมาเก็บไปอย่างง่ายดาย

ทอม และจอห์นต่างให้การซัดทอดกันเองว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นคนลงมือสังหารเหยื่อทั้ง 3 ราย ศาลชั้นต้นได้พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต ทอม นิสเสน และประหารชีวิต จอห์น ล็อตเตอร์ จากการร่วมมือกันสังหารแบรนดอน ทีน่า เพียงเพราะรับไม่ได้ที่เป็นผู้หญิงแต่มีจิตใจเป็นผู้ชาย
 



ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 5 ฉบับที่ 241 วันที่ 9-15 มกราคม พ.ศ. 2553 หน้า 42
คอลัมน์ ร้ายสาระ โดย ศิลป์  อิศเรศ


มาสร้างเป็นหนังด้วยค่ะ

Image
Image
Image

Boys Don't Cry เรื่องนี้ Hilary Swank แสดง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น