เวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง

อ่าน.......ขำๆ

วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เล่าประสบการณ์เมื่อเขาเผชิญหน้ากับ พญานาค ในถ้ำริมแม่น้ำโขง

พระยานาค (พญานาค) มีอยู่จริง



เล่าประสบการณ์โดย ยรรยง สินธุ์งาม


การที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้ มีความเกี่ยวเนื่องกับการศึกษาเรื่อง วิญญาณ ดังนี้


1. พญานาค เป็น วิญญาณ อยู่ ใน สวรรค์ ชั้นที่ 1 ชั้น จาตุมหาราชิกา มี ท้าววิรูปักษ์ เป็นราชาผู้ปกครอง ซึ่งท่านจะดูแลอยู่ทิศตะวันตกของสวรรค์ ชั้นนี้


2. เมื่อมีพญานาค ก็ต้องมี สวรรค์ ชั้นนี้ อยู่จริง


3. เมื่อ มี ภพสวรรค์อยู่จริง การทำความดี ก็ย่อมมีผลดี และส่งผลให้ผู้กระทำ ไปสู่ภพภูมิ ที่ดี ส่วน ผู้ทำความชั่ว ก็ย่อมได้รับ ผลที่ไม่ดี และทำให้วิญญาณ ของผู้นั้น ต้องไปรับ ทุกข์ทรมาน อยู่ใน นรกภูมิ





ความเข้าใจเกี่ยวกับพญานาค





คน ไทยโดยทั่วไป มีความเชื่อเกี่ยวกับพญานาค มาตั้งแต่ครั้ง พุทธกาล ที่พระพุทธเจ้าเสี่ยงทายลอยถาด แล้วถาดก็จมลงสู่ท้องน้ำที่มีพญานาคตนหนึ่งเฝ้ารักษาไว้ หรือเหตุการณ์ที่ พญานาค มุจรินทร์ แปลงกายมาปกป้องลม ฝน ให้พระพุทธเจ้าถึง7 วัน7 คืน หรือ เหตุการณ์ ที่ พญานาค แปลงกายมาขอบวชเป็นพระในพุทธศาสนา ซึ่ง พระพุทธเจ้า ไม่อนุญาตให้บวช ด้วยเพราะ เป็น สัตว์เดรฉาน


จึง เป็นเรื่องที่น่าแปลก ข้างต้นได้ กล่าวว่า เป็น วิญญาณ ระดับเทวดา ที่อยู่สวรรค์ชั้น จาตุมหาราชิกา แต่กลับเป็นสัตว์เดรฉาน เหตุผลจะเป็นเช่นใด ผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้ แต่จากการที่ศึกษา พบว่า สวรรค์ชั้น จาตุมหาราชิกา


เป็น สวรรค์ชั้นที่อยู่ ใกล้ชิดกับโลกมนษย์และเดรฉาน เป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งมีความหลากหลาย ของ วิญญาณระดับต่างๆ มากมาย อยู่ในชั้นนี้


จากที่ศึกษามา พญานาค มี 4 ตระกูลใหญ่ๆ1. ตระกูลวิรูปักษ์ จะมีผิวกาย สีทอง 2. ตระกูลเอราปถ จะมีสีกายเป็นสีเขียว 3.ตระกูล ฉัพพยาปุตตะ จะมีสีกาย เป็นสีรุ้ง 4. ตระกูลกัณหาโคตรมะ จะมีผิวกายเป็น สีดำ


มีข้อน่าสังเกต อย่างหนึ่ง เกี่ยวกับ ชื่อ ของ นาคตระกูล ทั้ง4 ทำไม เป็นภาษา บาลี สันสกฤต ทั้งหมด ทำไมไม่มีชื่อเป็น จีน เป็น ฝรั่ง เป็น เกาหลี หรือเป็นภาษาอื่นเลย หรือ ภาษาบาลีและสันสกฤต คือ ภาษากลาง ของภพภูมิวิญญาณ หรือ รวมไปถึง ภาษากลางของจักรวาล ขอตั้งข้อสังเกตไว้ นะครับ





ตามความเข้าใจ เราจะเห็นว่า พญานาค เป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์ ไม่ว่าจาก ตำนาน จากเรื่องเล่า ของ พระธุดงค์ พระวิปัสสนา ทั้งหลาย ทำให้เรารับรู้ว่า พญานาค มีฤทธิ์ แปลงกายเป็นงู หรือ เป็นคนก็ได้ เรื่องการแปลงร่างของ พญานาค สามารถแปลงเป็น เรือ ให้คนข้ามฟาก ก็ได้ เป็นเต่า เป็นจระเข้ ก็เคยมี เรามักจะเคยชิน กับ รูปร่าง ของพญานาค จากการถ่ายทอดผ่านงานศิลปะ เช่น ภาพวาด หรือ งานปั้น ตาม วัดวา อาราม ทางพุทธศาสนา บ้างก็มี หัวเดียวบ้าง สามหัว ห้าหัว เจ็ดหัว เก้าหัวบ้าง ก็น่าแปลก ทำไมจำนวนหัวไม่เป็นเลขคู่บ้างล่ะ นี่ก็เป็น อีกหนึ่งข้อสังเกต





พญานาคที่ข้าพเจ้าได้เคยพบ





เมื่อประมาณ กลางปี2535 ผมชวนน้องชาย ไปสำรวจถ้ำ ตามตำนาน ริมแม่น้ำโขงแถบอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี

ลำธารนี้ จะไหลลงสู่ลำห้วย ลำห้วย จะไหลลงสู่แม่น้ำโขง


ทางลงไปปากถ้ำ ซึ่งจะมองเห็นลำห้วย อยู่ข้างล่าง

เข้าไปในถ้ำต่ำๆ แห่งหนึ่ง มีสายน้ำเล็กเย็นฉ่ำ ไหลจากภายในออกมานอกถ้ำ สู่ลำห้วย ซึ่งลำห้วยไหลลงสู่แม่น้ำโขง อีกไม่ถึง ห้าสิบเมตร



ปากถ้ำพญานาค จะสังเกตเห็น ธารน้ำ เล็กๆ ไหลลงสู่ลำห้วย


ลำห้วยที่อยู่หน้าปากถ้ำ


ผมเข้าไปในถ้ำ แล้วถ่ายภาพออกมา จะมองเห็น ผู้ที่อยู่ภายนอก


บรรยากาศภายในถ้ำเย็น มืด ไม่มีกลิ่นอับ จะพบ กบถ้ำ ตุ๊กแก จิ้งจก ค้างคาว


เราเดินก้มย่อตัวต่ำๆ เดินเข้าไปข้างใน อย่างระมัดระวัง ใช้ไฟฉายส่องทาง


ถ้ำต่ำ เราย่อตัวต่ำๆ เดินเข้าไป ระวังหัวชน เพดานถ้ำ


ได้ระยะทาง สิบกว่าเมตร ผนังถ้ำก็ตัน มีแอ่งน้ำ ลักษณะครึ่งวงกลม อยู่ท้ายสุดของถ้ำ


มองเห็นอยู่ด้านหน้า คือ ผนังถ้ำตัน และมีแอ่งน้ำรูปครึ่งวงกลม ขวางกั้นเอาไว้


ภาพน้ำในแอ่งน้ำ ใส เย็น


ผม ก็ไม่รู้ว่าแอ่งน้ำ จะมีความลึกเท่าไร เราหยุดเดิน เพราะถ้ำตันซะแล้ว ขณะที่สายตาสำรวจก้อนหินตามผนังถ้ำ ก็ปรากฏ งูสีเขียว โผล่หัวขึ้นมาดูพวกเรา ขนาดเท่าหลอดยาดม ที่วางขายตามท้องตลาด เขาโผล่พ้นน้ำขึ้นมาประมาณ สิบ เซนติเมตร ทำให้ผมชะงัก เพราะกำลังจะลงไปในแอ่งน้ำ ผมเอามือวิดน้ำใส่ งู ตัวนั้น2 -3 ที งูก็ดำน้ำหายไป และไปโผล่มองดูเรา อีกด้านหนึ่งของขอบแอ่งน้ำ ผมก็เอามือ วิดน้ำใส่อีก งู ก็ดำน้ำและก็หายไป




ใน ความคิดของผม ตั้งแต่ที่เห็นแอ่งน้ำ ก็จะรู้ทันที ว่าใต้แอ่งน้ำนี้ จะต้องมีช่องทาง เพื่อไปอีกสถานที่หนึ่ง พอผมลงไปในแอ่งน้ำ ความลึกอยู่ระดับเอว เมื่อเอามือลูบผนังถ้ำลงไป ในน้ำ จะพบรูขนาดที่คนตัวใหญ่ๆ มุดเข้าไปได้ ผมลองมุดเข้าไปดู ซักครู่ ก็โผล่ขึ้นมา พร้อมบอก ให้น้องชายส่งเชือกมา ผมมัดที่ข้อเท้าขวา ก่อนที่จะดำน้ำหายเข้าไปใน รูใต้น้ำ อีกครั้ง ความกดดันที่มากขึ้นทำให้น้ำทะลักเข้าหู ผมทั้งสองข้าง


ผมดำน้ำเข้าไปได้ระยะทางประมาณ6 ถึง 7 เมตร ยังไม่เห็นว่าจะทะลุตรงไหน ใจก็คิดว่า เราจะไม่เหลืออากาศ พอที่จะ ดำน้ำกลับนะ ครั้งนี้ พอแค่นี้ก่อนเถอะ ก็เลยหมุนตัว ในช่องหิน กลับหัว แล้วว่ายออกมา เมื่อโผล่ขึ้นจากผิวน้ำ ก็พบน้องชายนั่งทำหน้าตกใจอยู่ เขาบอกว่า กลัวมาก ที่ต้องนั่งอยู่คนเดียว เราเดินทางโดยปราศจากอาวุธใดๆทั้งสิ้น พกพาไปเฉพาะเครื่องนอน
และอาหารแห้ง ข้าวจี่ น้ำดื่ม กล้องก็ยังไม่มี


........................................................

อธิบายภาพ จากการผจญภัย เมื่อครั้ง ปี 2535



หมายเลข 1.เป็นลำธารภายในถ้ำ ที่ไหลลงสู่ลำห้วย ซึ่งมีน้ำ ตลอดทั้งปี
หมายเลข 2.แอ่งน้ำรูปครึ่งวงกลม ที่ผมเคยลงไป และ มุดผ่านช่องทางใต้น้ำเข้าไป ร่วม 7 เมตร
หมายเลข 3.เป็น ผนังถ้ำ เรียบเหมือนถูกตัด ที่ปิดกั้นทำให้มองดูเป็นทางตัน แล้วใช้แอ่งน้ำ อำพรางทางเข้า ซึ่งอยู่ใต้น้ำเอาไว้ ดูๆไปเหมือนในหนังผจญภัยของฮอลลีวู๊ด แต่ที่นี่ คือ เรื่องจริง และอยู่ ขอบชายแดน ริมแม่น้ำโขง คนไทย คนไหนจะมาสร้างไว้ และที่น่าสนใจก็คือ เขาจะปิดบังทางเข้าเพื่อซุกซ่อนอะไร
หมายเลข 4. คือ จุดแรกที่ พญานาค ตัวเล็ก โผล่ขึ้นมามองดูเรา และผมก็วิดน้ำใส่
หมายเลข 5.คือ จุดที่สอง ที่ พญานาค ดำน้ำจากจุดแรก ไปโผล่หัว มองดูเราอีกครั้ง ซึ่งผมก็ วิดน้ำใส่อีกครั้ง

****

ภาพถ้ำพญานาค ที่เป็นภาพประกอบ นำมาจากการย้อนรอย ไปเก็บข้อมูล
เมื่อ เดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 ไม่ใช่ภาพในเหตุการณ์จริง เมื่อ ปี 2535
แผนผัง ถ้ำพญานาค (การผจญภัยอีกครั้ง เมื่อ 2551)

เล่าประสบการณ์โดย ยรรยง สินธุ์งาม


วันนี้ อังคาร ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2553 นั่งวาดภาพแผนผังถ้ำพญานาค เสร็จ ก็มานำเสนอในช่วงห้าทุ่มเศษ เป็นภาคต่อจาก การผจญภัยอีกครั้ง เมื่อ 2551

สถาน ที่ตั้งของถ้ำพญานาคแห่งนี้ อยู่ใต้ภูเขาหิน ติดต่อกับลำห้วย ซึ่งลำห้วยจะเชื่อมต่อลงแม่น้ำโขงได้ จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เหมือนกับถ้ำตามธรรมชาติโดยทั่วไป




ที่เห็นเป็นภาพตัด ของถ้ำ ที่อยู่สูงจากลำห้วยเล็กน้อย เป็นช่องทางที่ ผู้มีรูปร่างคน เดินเข้า ออก ขอเรียกว่า ช่องทางที่ 1 ถ้ำ เมื่อเข้าไป สิบกว่าเมตร ก็จะเห็นผนังถ้ำตัน และ มีแอ่งน้ำรูปครึ่งวงกลมปิดกั้นทางเข้าเอาไว้ใต้น้ำ ซึ่งผมเอง เข้าไปถึงแอ่งน้ำ รวมทั้ง ดำน้ำเข้าไปตามรูช่องหิน 6 -7 เมตร แต่ยังไม่ ทะลุ กลับออกมาก่อน

หลังจากที่ออกจากถ้ำขึ้นมาเดินสำรวจบริเวณยอดภูเขาด้านบน จะพบ ช่องทางที่ 2 ขอเรียกว่า รู เพราะเป็นช่อง ขนาดเล็ก พอดีตัวคนลอดลงไปได้แบบเบียดๆ ทีละ 1 คน ดังภาพ


มอง ลงไปจะเห็นน้ำ ผมมุดลงรู ไปข้างล่าง ก็จะพบการซ่อนทางเข้า เหมือนในถ้ำ ถ้าเราดำน้ำลงไปจะพบทางเข้าออกอยู่ใต้น้ำ ซึ่ง รู บนยอดเขา พบ 2 รู คาดคะเนว่า น่าจะเป็นช่องทาง สำหรับผู้ที่เลื้อยคลาน หรือจะว่าไปก็คือ เหมาะเป็นทางเข้าออกในขณะ ที่มีรูปกายเป็น งู

ส่วนช่องทางเข้า ช่องทางที่ 3 เป็นช่องทางใต้น้ำ จะอยู่ใต้ลำห้วย ซึ่งช่องทางนี้ผมไม่ได้เข้าไปสัมผัสด้วยตนเอง ชาวบ้านอ้างจากคำบอกเล่าของ นักประดาน้ำ ของทางราชการ ที่เคยมากู้ภัย ช่วยชาวบ้านที่ติดอยู่ในถ้ำ เมื่อประมาณ ปี 2549 (ดูเพิ่มเติม http://www.vcharkarn.com/vblog/89133)

ช่อง ทางนี้ลำน้ำจะเชื่อมต่อกับแม่น้ำโขง ซึ่งอยู่ห่างกันไม่ถึง 20 เมตร สะดวกในการอำพราง จากสายตา ของผู้ที่อยู่บนผิวน้ำ ดังแสดงในภาพข้างล่าง




ภาพโดยรวมของ แผนผัง ถ้ำพญานาค ที่อยู่ บนมิติโลก




ข้าง บนเป็นแผนภาพ ตัดขวาง โดยรวม ของถ้ำพญานาค ที่ผมเขียนขึ้นมา จากข้อมูลที่ตนเองได้เข้าไปสัมผัส แม้ว่า ในส่วนที่ 3 ช่องทางใต้น้ำ และ ส่วนที่ 4 ห้องโถงใหญ่ จะไม่ได้สัมผัสโดยตรง แต่ก็เป็นข้อมูลเชิงลึก ที่มีความน่าเชื่อมากที่สุด

จากแผนภาพดังกล่าว ผมจึงมั่นใจว่า นี่ เป็น ถ้ำพญานาค แห่งหนึ่งที่ปรากฎ บนมิติโลก ที่เราเข้าไปจับต้อง สัมผัส ถ่ายภาพ มาได้ แต่ก็คงเป็นขอบเขตที่มีข้อจำกัด เนื่องจาก มนุษย์ เป็นสัตว์ที่มีกายหยาบ แปลงกายไม่ได้ เหมือน ชาวนาคา เค๊า การที่จะตามเขาไปถึง เมืองบาดาล คงต้อง ถอดวิญญาณ ครับ การถอดวิญญาณ มีหลายวิธี

1.ทำสมาธิ จนมีความละเอียดถึงระดับแยกวิญญาณ จาก กายหยาบ เราก็ไปได้ โดยที่ กายเนื้อ หรือ กายหยาบของเรา แน่นิ่งอยู่ในถ้ำ
2.ทำ ให้ตัวเองหลับ ครับ จิต หรือ วิญญาณของเรา ก็จะออกไปได้ เป็นการนอนให้หลับสนิท คล้ายกับฝัน แต่ไม่ใช่ฝัน เพราะถ้าฝัน วิญญาณของเรา จะยังอยู่ใน กายเนื้ออยู่ แต่นี่ วิญญาณ ต้องออกจากร่าง ซึ่ง ขั้นตอนนี้ ต้องมี พญานาค หรือ ผู้มีกายทิพย์ อยู่แล้ว เป็นผู้โน้มนำ เพื่อให้วิญญาณ คลายพลังที่ยึดเหนี่ยว ร่างกายเนื้อ ออกให้มากที่สุด ให้คงเหลือไว้แต่ สายสัมพันธ์ ถ้าสายสัมพันธ์นี้ขาด วิญญาณก็เข้าร่างไม่ได้ ซึ่งเราจะพบปรากฎการณ์ นี้ในชีวิตจริง คือ โรคไหลตาย ถ้าใครจะใช้วิธีนี้ ต้องมี นาฬิกาปลุก ถ้าไม่มี นาฬิกา ก็ต้องมีคนคอยปลุก ครับ
3.ดมยา สลบ ครับ ตั้งเวลาแบบวิสัญญีแพทย์(หมอผู้มีหน้าที่วางยาสลบ ให้กับคนไข้) จะกลับมาเมื่อไหร่ 5 ชั่วโมง รึ 8 ชั่วโมง ต้องไปขออุปกรณ์การแพทย์ จากท่านวิสัญญีแพทย์ ครับ

วิธีที่ 2 และ 3 ผมวิเคราะห์ขึ้นมา จากหลักธรรมชาติของ จิต ครับผม อีกวิธีหนึ่ง คือ ตาย ผมไม่ขอแนะนำให้ใช้ เพราะ เมื่อท่านทำให้ ร่างกายตนเองถึงแก่ความตาย วิญญาณ ออกจากร่าง ก็จริง แต่จะเป็น วิญญาณโดยสมบูรณ์ หมายถึง เป็นผู้มีกายละเอียด ที่ไม่ได้อยู่ในร่างกายหยาบ ฑูติจากโลกวิญญาณ ก็จะเข้ามาทักทายท่าน ซึ่ง อาจจะรวมไปถึง ยมฑูติ ผู้มาจาก นรก หรือ เทวฑูติ ผู้มาจากสวรรค์ ท่านก็จะอดไปเมืองบาดาล ไม่สมดั่งที่ตั้งใจไว้ ก่อนตาย เพราะ แรงดูด จาก ภพอื่น จะแรงกว่า ความอยากรู้อยากเห็น ที่ท่านมี และเมื่อ ท่านเป็นวิญญาณโดยสมบูรณ์ ท่านก็จะมีพลังรับรู้ ในเรื่อง มิติภพภูมิ ต่างๆโดยอัตโนมัติ เป็นอีกหนึ่งเหตุผล ที่ท่านไม่จำเป็นต้องไป เมืองบาดาล เพราะท่านเองก็รับรู้ได้
ฉะนั้น การตาย จึงไม่จัดเป็นวิธีที่จะไป นาคพิภพ

ย้อนรอย กลับไปถ้ำพญานาค การผจญภัยอีกครั้ง เมื่อ 2551

ย้อนรอย ถ้ำพญานาค ริมฝั่งโขง


เล่าประสบการณ์โดย ยรรยง สินธุ์งาม


ใน หน้าที่ผ่านมา พูดอย่างรวบรัดเกี่ยวกับการ ผจญภัย ในวัยหนุ่ม เมื่อกลางปี2535 ช่วงหน้าฝน หลังจากนั้น อีก 16 ปี ต่อมาได้กลับไปที่ถ้ำนั้นอีกครั้ง เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2551 มีพี่ชายไปด้วย 1 คน คือ ผอ.อำพร ผาดโผน ไม่ได้ตั้งใจไปสำรวจโดยตรง แต่ไปร่วมงานฌาปณกิจรุ่นพี่ ซึ่งมีบ้านอยู่อำเภอนั้น จึงถือโอกาสไปพิสูจน์คำพูด ที่ผมเคยเล่าให้ใครต่อใครฟัง รวมทั้ง ผอ.อำพร

ไปสอบถาม เส้นทางจากชาวบ้าน ที่พักอยู่บริเวณนั้น เขาก็ใจดี วางมือจากการเกี่ยวข้าว เป็นไกด์ ช่วยนำทาง ในทันที

ลำธาร ที่ไหลลงสู่ ลำห้วย ซึ่งไหลสู่ แม่น้ำโขงอีกที


ทางลง สู่ลำห้วย ซึ่งจะมี ปากถ้ำ ซ่อนอยู่ข้างล่าง


ไก ด์ใจดี ผู้นำทาง บอกว่า ไม่ขอเข้าไปในถ้ำโดยเด็ดขาด มาอยู่ที่นี่ 10 ปี ไม่เคยเข้าไปเลย และไม่เคยคิดที่จะเข้าไปด้วย เนื่องจากช่วงหน้าฝน น้ำจะท่วมสูงขึ้นมาปิดปากถ้ำ และครั้งหนึ่ง เขาเคย เอาเรือหาปลาลำใหญ่ มาจอดขวางหน้าถ้ำ โดยไม่ได้ตั้งใจ ปรากฎว่า มีวัตถุใต้น้ำชนผ่านลำเรือ เข้าไปที่ปากถ้ำ เรือขนาดใหญ่โครงเครง เขากระโจนขึ้นฝั่งในทันใด และไม่เข้าไปใกล้เรือ อยู่เป็นเกือบ 10 วัน เขาบอกว่า ถ้าเป็นสัตว์น้ำก็จะมีขนาดใหญ่มาก

และที่ ถ้ำแห่งนี้ บางวันในวันพระ ช่วงเย็น จะเห็น ผู้หญิงแต่งชุดขาวเดินออกมาจากถ้ำ เมื่อ 2-3 ปี ที่ผ่านมา เคยมี ชาวบ้านจากถิ่นอื่น 4-5 คน เข้าไปในถ้ำ และ ติดอยู่ข้างใน เป็นเวลา 2 วัน ทางอำเภอต้องระดม นักประดาน้ำ และกู้ภัยเกือบ 200 คน เข้ามาช่วย จึงนำตัวออกมาได้

เขาเล่าว่า วันนั้นฟ้าสว่าง หลังจากมีคนเข้าไปในถ้ำ จู่ๆก็มีเมฆฝนก้อนใหญ่ มาลอยนิ่งอยู่เหนือบริเวณนั้น ฝนก็ตกแบบฟ้ารั่ว เพียง2 ชั่วโมง น้ำในลำห้วย ขึ้นสูงเป็น เมตร จากปากถ้ำที่ มองเห็น ก็ถูกน้ำท่วม คนที่เฝ้ารออยู่ข้างนอกตกใจวิ่งหน้าตา ตื่นตระหนกไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน ทางอำเภอได้นำกระสอบทรายมากั้น และใช้เครื่องสูบน้ำ ออก ซึ่งก็โชคดีที่รอดออกมาได้หมด ติดอยู่ใต้ดิน 2 วัน 2 คืน น่าเสียดาย ที่ผมยังตามหา คนกลุ่มนั้นยังไม่เจอ จะได้ให้เขาเล่าถึง นาทีชีวิต ให้ฟัง


ลำห้วย ที่อยู่หน้าถ้ำ พญานาค


ปากถ้ำพญานาค จะสังเกตเห็น ธารน้ำ เล็กๆ ไหลลงสู่ลำห้วย


ผมเข้าไปในถ้ำ แล้วถ่ายภาพออกมา จะมองเห็น ผู้ที่อยู่ภายนอก


บรรยากาศภายในถ้ำเย็น มืด จะพบ กบถ้ำ ตุ๊กแก จิ้งจก ค้างคาว


ความสูงของถ้ำ เราใช้การเดิน แบบย่อตัว ผอ.อำพร ก็เข้าไปด้วยกัน


มองเห็นอยู่ด้านหน้า คือ ผนังถ้ำตัน และมีแอ่งน้ำรูปครึ่งวงกลม ขวางกั้นเอาไว้ อย่างที่ผมเคยเล่าให้ฟัง


ภาพน้ำในแอ่งน้ำ ใส เย็น


การไปเยี่ยมครั้งนี้ ไม่อาจจะลงไปในแอ่งน้ำได้ เพราะเรากลัวชุดเปียก ด้วยจะต้องไปร่วมงานฌาปณกิจ ช่วง 3 โมงเย็น



นี่ เป็นทางเข้า ช่วงที่ 2 เพื่อจะเข้าไปสู่ ถ้ำชั้นใน ซึ่งคนเรา สามารถเข้าไปได้ ด้วยมีอากาศ ที่ไม่เป็นพิษ และ ถ้าเจ้าของบ้าน (พญานาค) อนุญาต


อธิบายภาพ จากการผจญภัย เมื่อครั้ง ปี 2535
หมายเลข 1.เป็นลำธารภายในถ้ำ ที่ไหลลงสู่ลำห้วย ซึ่งมีน้ำ ตลอดทั้งปี
หมายเลข 2.แอ่งน้ำรูปครึ่งวงกลม ที่ผมเคยลงไป และ มุดผ่านช่องทางใต้น้ำเข้าไป ร่วม 7 เมตร
หมายเลข 3.เป็น ผนังถ้ำ เรียบเหมือนถูกตัด ที่ปิดกั้นทำให้มองดูเป็นทางตัน แล้วใช้แอ่งน้ำ อำพรางทางเข้า ซึ่งอยู่ใต้น้ำเอาไว้ ดูๆไปเหมือนในหนังผจญภัยของฮอลลีวู๊ด แต่ที่นี่ คือ เรื่องจริง และอยู่ ขอบชายแดน ริมแม่น้ำโขง คนไทย คนไหนจะมาสร้างไว้ และที่น่าสนใจก็คือ เขาจะปิดบังทางเข้าเพื่อซุกซ่อนอะไร
หมายเลข 4. คือ จุดแรกที่ พญานาค ตัวเล็ก โผล่ขึ้นมามองดูเรา และผมก็วิดน้ำใส่
หมายเลข 5.คือ จุดที่สอง ที่ พญานาค ดำน้ำจากจุดแรก ไปโผล่หัว มองดูเราอีกครั้ง ซึ่งผมก็ วิดน้ำใส่อีกครั้ง



จะ ว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องแปลกอยู่นะ วันนี้ วันอาทิตย์ ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2553 ไม่ใช่หน้าฝน นะ เมื่อตอนกลางวัน ช่วง บ่าย 2 โมง กว่าๆ
ขณะ ที่กำลังนำเสนองานชิ้นนี้ ในหน้าที่ 1 ฟ้าก็ครึ้ม และมีฝนโปรยปราย 5 วินาที พอช่วงพิมพ์หน้าที่ 2 ช่วง 4 ทุ่ม ก็มีฝนตกปรอยๆ มาร่วม 30 นาทีแล้ว คงเป็นความบังเอิญ รึจะเป็น ความยินดี ของ ชาวนาคา ที่ร่วมแสดงความยินดี ที่มีการเผยแพร่ ประสบการณ์ ที่เก็บมานับสิบปี

อีก อย่างหนึ่งนะครับ ที่เข้าไปสำรวจถ้ำ ไม่ได้อยากเข้าไปค้นหา ทรัพย์สมบัติอะไรนะ เป็นความตั้งใจตั้งแต่แรก ว่า แม้นว่าได้พบสิ่งของมีค่าอะไรก็ตาม จะไม่นำออกมา ขอเก็บเพียงภาพถ่าย และความทรงจำ ที่จะนำมาเล่าขาน ให้มนุษย์โลกได้รับฟัง ส่วนใครจะมีความคิดเห็นประการใด เป็นสิทธิส่วนตัว ของใครของเราครับ ผมเล่าในฐานะของ นักค้นคว้าทางการศึกษา
ครับ


ที่มา..
http://www.vcharkarn.com/vblog/89133/2 __________________

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น