เวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง

อ่าน.......ขำๆ

วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การ์ตูนเล่มละบาท


 “สำนักพิมพ์เหล่านี้แม้จะรู้ว่ากำไรที่ได้จากการ์ตูนไทยเล่มละห้าบาท จะได้ไม่สูงมากนัก 
แต่ที่ยังพิมพ์การ์ตูนออกมาอย่างต่อเนื่อง นั่นเพราะมันคือ อาชีพ นั่นเอง” 

การ์ตูน ไทยเล่มละบาทจะไม่เกิดขึ้นมาได้เลย หากไม่มีสำนักพิมพ์ หรือโรงพิมพ์ผู้จัดพิมพ์การ์ตูนเหล่านั้นออกสู่ตลาด การเกิดขึ้นของการ์ตูนไทยเล่มละบาทนั้น คาดว่าน่าจะมาจากกลไกการตลาดบางประการ นั่นคือมีสำนักพิมพ์เกิดใหม่หลายต่อหลายที่ 
เช่นเดียวกับอัตราการเกิดของประชากรที่มีมากขึ้น และจำนวนผู้อ่านก็จะมากขึ้นด้วยเช่นกันนั่นเอง
 ในตอนสมัยก่อนมีสำนักพิมพ์อยู่ประมาณ 2-3 เจ้า อาทิ บางกอกสาส์นการ์ตูนเล่มละบาทนั้นจะมีจำนวนหน้าอยู่ที่ประมาณ 16 หน้า 
และเนื้อเรื่องที่ปรากฏในการ์ตูนก็โดนกลุ่มคนเช่นสำนักส่งเสริมเด็กและเยาวชน โจมตีว่าเนื้อหานั้นมอมเมาเด็ก 
แต่ด้วยความการ์ตูนประเภทนี้อ่านเพลินๆ จึงทำให้หนังสือขายดี เพราะคนทั่วไปต้องการอ่านหนังสือเพื่อพักผ่อน สนุกสนานเล็กๆน้อยๆ
 การ์ตูนเล่มละบาท จะมีจำหน้าหน้าต่อหนึ่งเรื่อง อยู่ที่ 16 หน้า 
แต่กระนั้นสำนักพิมพ์บางกอกสาส์นก็เพิ่มจำนวนหน้าเป็น 24 หน้า และใส่ใจประณีตกับการผลิตเพิ่มขึ้น 
ทำให้ยอดขายของบางกอกสาส์นนั้นสูงทะลุเป้า ส่งผลให้สำนักพิมพ์อื่นๆ หันมาสนใจใส่ใจในการผลิตผลงาน
การ์ตูนของตนเองบ้าง ประกอบกับในช่วงเวลาดังกล่าว นิยายประกอบภาพทั้งประเภทฮีโร่ ทั้งเรื่องอภินิหารทั้งหลาย 
เริ่มเข้าสู่ช่วงซบเซา ทำให้ตามแผงหนังสือในช่วงนั้น ล้นไปด้วยการ์ตูนเล่มละบาท ขนาดที่ว่ากันว่า 
มีการพิมพ์การ์ตูนเล่มละบาทในแต่ละเดือนสูงถึงล้านเล่มเลยทีเดียว 
ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดของการ์ตูนเล่มละบาทสูงและมีสีสันตามไปด้วย
ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2521-2522 บางกอกสาส์นก็ทำให้วงการการ์ตูนเล่มละบาทต้องตกตะลึงขึ้นอีกครั้ง 
ด้วยการเพิ่มจำนวนหน้าของการ์ตูนหนึ่งเรื่อง จาก 24 หน้า เป็น 32 หน้า  อย่างไรก็ตามความฮือฮาดังกล่าวก็เกิดขึ้นได้ไม่ได้ 


เมื่อการ์ตูนเล่มละบาทถึงกาลซบเซาลงเรื่อยๆ ถึงขนาดหายไปจากตลาดเลยทีเดียว
ในสมัยก่อนนั้น กระดาษสำหรับพิมพ์นั้นมีราคาถูก จึงไม่แปลกที่มันสามารถเพิ่มหน้าต่อเรื่องได้มากถึง 32 หน้า 
นานวันเข้า ราคากระดาษเริ่มสูงขึ้น จาก 32 หน้า ก็ลดเหลือ 24 หน้า จนสุดท้ายเหลือ 16 หน้าเท่าเดิม 


ยุคต่อมา 3 เรื่อง 5 บาท

ซึ่งตอนนี้ไม่สามารถลดจำนวนหน้าลงได้อีก จึงทำการรวม 3 เรื่อง ขายในราคา 5 บาท 
ในที่สุดยุคการ์ตูนเล่มละบาทก็จบลง รวมเวลาแล้ว การ์ตูนเล่มละบาทสามารถขายให้ผู้ซื้อได้ยาวนานถึง 30 ปีทีเดียว 
ส่วนราคา 5 บาท สามารถขายได้ประมาณ 7 ปี

ปัจจุบันการผลิตการ์ตูน 3 เรื่อง 5 บาท มีสำนักพิมพ์เพียงไม่กี่เจ้าเท่านั้นที่ทำอยู่ ที่เป็นที่รู้จักกันดีก็คือ 
สำนักพิมพ์เพื่อนแก้ว, ชายสยาม, ธนสาส์น, การ์ตูนบันเทิง, เสริมมิตร, การ์ตูนไทย, ประชาช่าง 
สำนักพิมพ์เหล่านี้แม้จะรู้ว่ากำไรที่ได้จากการ์ตูนไทยเล่มละห้าบาท จะได้ไม่สูงมากนัก 
แต่ที่ยังพิมพ์การ์ตูนออกมาอย่างต่อเนื่อง นั่นเพราะมันคือ อาชีพ นั่นเองในอดีตการ์ตูนโดนค่อนขอดว่ามอมเมาเด็กและเยาวชน 


ปัจจุบันภาพลักษณ์ของการ์ตูนเล่มละบาทก็ยังโดนมองว่าไร้เกรดเพิ่มเข้าไปอีก 
แต่กระนั้นก็ยังมีคนติดตามอ่านการ์ตูนไทยเล่มละบาทอยู่ตลอด เป็นระดับกลางๆ ไปจนถึงระดับล่าง
นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องของกระแสด้วยเช่นกัน 
เนื่องจากคนหนุ่มสาวในยุคปัจจุบันมองว่าการอ่านการ์ตูนไทยเล่มละบาท หรือ 5 บาทนั้นถือเป็นเรื่องเชย ล้าสมัย 


เมื่อเทียบกับการอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น หรือหนังสือในประเภทอื่นๆนั่นเอง
หลังจากนี้ในอนาคต แม้ตลาดของการ์ตูนไทยเล่มละบาทจะไม่โตขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่ 
แต่เชื่อเถอะว่า ตราบใดที่มีผู้อ่านติดตาม ไม่หลงลืมการ์ตูนไทยในอดีต 
หรือไหลไปตามกระแสของสังคมจนเกินไป การ์ตูนไทยราคาถูกเล่มนี้ก็ยังคงอยู่ คู่คนอ่านต่อไปแน่นอน


ใครเคยอ่านบ้างยอมรับมาซะดีๆ 
ที่่มา วนิดา แก่นจันทร์ http://mailonoon.exteen.com/20090909/entry-09-09-09

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น